ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3609.พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมภายหลังจากที่มีการยื่นฟ้องแล้ว โจทก์ขอแก้ไขคำฟ้องได้หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3462/2567 (เล่ม 4 หน้า 168)(ประชุมใหญ่) แม้การพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจะใช้ระบบไต่สวนซึ่งศาลมีอำนาจแสวงหาข้อเท็จจริงได้เอง แต่กรณียังคงต้องอยู่ภายใต้บังคับแห่ง ป.วิ.อ. ซึ่งตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120 ที่นำมาใช้บังคับแก่คดีนี้ด้วยตามมาตรา 6 แห่ง พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้อัยการยื่นฟ้องคดีใดต่อศาลโดยมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นก่อน” ดังนี้ ถ้าพนักงานอัยการฟ้องคดีโดยมิได้มีการสอบสวนก่อนหรือมีการสอบสวนแล้วแต่การสอบสวนไม่ชอบ ซึ่งต้องถือว่าไม่มีการสอบสวนเช่นกัน เมื่อการฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะพนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง ศาลจึงไม่มีอำนาจสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องในส่วนผู้กระทำความผิด มูลฐานและพฤติการณ์อันเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการจากเดิม ซึ่งมีพฤติการณ์การกระทำความผิดที่แตกต่างกัน และเพิ่งมีการสอบสวนเพิ่มเติมภายหลังจากโจทก์ฟ้องคดีนี้แล้วได้ เพราะการจะสั่งให้โจทก์แก้ฟ้องตาม พ.ร.บ.วิธืพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ. 2559 มาตรา 15 วรรคสาม นั้น ฟ้องเดิมจะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว เพียงแต่เป็นกรณีที่ฟ้องเดิมไม่สมบูรณ์ โดยไม่ได้บรรยายคำฟ้องให้ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้น

(หมายเหตุ 1 โจทก์ฎีกาว่า การที่โจทก์สั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมภายหลังจากที่ได้ยื่นคำฟ้องต่อศาลแล้ว ถือเป็นการค้นหาความจริงเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนขึ้นและถือว่ามีการสอบสวนในความผิดของจำเลยทั้งสามตามที่ได้มีการกล่าวหาเพิ่มเติมแล้ว ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องตามข้อเท็จจริงที่ได้ความจากการสอบสวนเพิ่มเติมเป็นการที่ศาลใช้อำนาจตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์แห่งคดี

2 ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่มีคำวินิจฉัยข้างต้น)

(หลักกฎหมาย ป.วิ.อ.มาตรา 120, 158 พ.ร.บ.วิธีพิจาราณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 6 , 15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

นายกวิเชียร เยี่ยมให้กำลังใจ ช่วยเหลือทนายความที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย

📍ไม่มีใครรักเราเท่าเรารักกัน ❤️

เมื่อวันพุธที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.00 น. ที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ถนนประชาชื่น เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยนายอุทัย ไสยสาลี ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสภาทนายความ ได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจ นายสิริศักดิ์ ศันสนียานนท์ (ทนายต้น) ได้ประสบอุบัติเหตุหกล้ม กระดูกสะโพกหลุด นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลดังกล่าวเป็นเวลาหลายวันแล้ว เพื่อเตรียมการผ่าตัดต่อไป

ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้กล่าวว่า สภาทนายความมีกองทุนสวัสดิการทนายความ ไว้คอยบริการให้การช่วยเหลือทนายความที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย วาตภัย รวมถึงภัยพิบัติต่างๆ ตลอดจนกรณีเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตของทนายความ สามารถยื่นคำขอรับการช่วยเหลือจากกองทุนสวัสดิการทนายความได้ จะอย่างไรก็ตามแม้ไม่ได้ยื่นคำขอรับเงิน จากกองทุนสวัสดิการทนายความ ถ้าสภาทนายความรู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับทนายความตามกรณีดังกล่าวข้างต้น ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ก็มีนโยบายที่จะเข้าถึงทนายความทุกคนทันที เพราะไม่ต้องการทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3608.ศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยในประเด็นส่วนฟ้องแย้ง คำวินิจฉัยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4208/2567 โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาเช่าที่ดินกับ ร. มีกำหนดเวลา 10 ปี และเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ทั้งมีข้อตกลงว่า หากสัญญาสิ้นสุดแล้วให้ต่อสัญญาออกไปอีก 5 ปี แต่ ร. ถึงแก่ความตายแล้ว ขอให้จำเลยซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันและเป็นผู้จัดการมรดกของ ร. จดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งว่า โจทก์ผิดสัญญาเนื่องจากไม่ชำระค่าเช่าและขุดดินโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้โจทก์ชำระค่าเช่า ส่งมอบที่ดินคืน และกลบที่ดินคืนสู่สภาพเดิม โจทก์ให้การขอให้ยกฟ้องแย้ง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและยกฟ้องแย้ง จำเลยอุทธรณ์ทั้งในส่วนของฟ้องเดิมและฟ้องแย้ง ประเด็นแห่งคดีจึงมีทั้งในส่วนของฟ้องเดิมและฟ้องแย้ง แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 คงวินิจฉัยสรุปความว่า สัญญาเช่าที่ดินเป็นสัญญาต่างตอบแทนพิเศษยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาที่มีผลบังคับ 10 ปี ซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดีเฉพาะในส่วนของฟ้องเดิม แม้จะกล่าวในตอนท้ายว่า อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นและไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นตามอุทธรณ์ของจำเลยอีกเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง แต่ก็ต้องหมายถึงประเด็นอื่นเฉพาะในส่วนของฟ้องเดิมเท่านั้น ไม่ใช่ประเด็นในส่วนของฟ้องแย้งที่ว่า โจทก์ผิดสัญญาเนื่องจากไม่ชำระค่าเช่าและขุดดินโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ที่ยังไม่ได้วินิจฉัยประเด็นในส่วนของฟ้องแย้งให้ครบถ้วนตามอุทธรณ์ของจำเลย จึงเป็นคำพิพากษาที่ไม่ได้กล่าวหรือแสดงคำวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดี ไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 141 (5) แม้ศาลฎีกาแผนกคำสั่งคำร้องและขออนุญาตฎีกาในศาลฎีกามีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยฎีกา แต่เมื่อคดีปรากฏเหตุที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้ว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง และศาลฎีกาเห็นว่ามีเหตุอันสมควร ศาลฎีกาย่อมยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 นั้นเสียได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (1) ประกอบมาตรา 252 เมื่อวินิจฉัยดั่งนี้ ที่โจทก์ฎีกาจึงไม่ต้องวินิจฉัยให้

(หลักกฎหมาย ป.วิ.พ.มาตรา 141 (5), 243 (1))

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

 

สัมมนาวิชาการ เรื่อง Ai กับการพัฒนาวิชาชีพทนายความ ( ฟรี ) 

⚖️ สถาบันพัฒนาวิชาชีพทนายความ สภาทนายความ⚖️

🌟 รับสมัครสัมมนาวิชาการ 【 ฟรี 】

👉 เรื่อง Ai กับการพัฒนาวิชาชีพทนายความ

– การเรียนรู้เพื่อใช้งาน Ai

– การใช้ Ai เพื่อความสะดวกในการทำงานด้านกฎหมาย

 

— เชิญพบกับ —

🔶 ดร.วิเชียร ชุบไธสง

นายกสภาทนายความ

 

🔶 นายพรศักดิ์ สังข์สังวาลย์

กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 5

 

🔶 นางพรสวรรค์ สังข์สังวาลย์

ประธานสภาทนายความจังหวัดเชียงใหม่

 

🔶 นายเอกฤทธิ์ ธรรมสถิต

วิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้าน Ai ระดับประเทศ

 

— วันที่อบรม —

📚 วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2568

⏰ เวลา 13.00 – 17.00 น.

📍 ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่

 

🌏 Link ลงทะเบียน : https://forms.gle/nmTFXjDgADRvUiwB7

—————————

ติดต่อสอบถาม: คุณพิมพ์ฉวี และคุณจิดาภา โทร. 06 4291 4640

⚖_______________⚖

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3607.ประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่มีข้อความไม่ชัดแจ้ง เพิกถอนการขายทอดตลาดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5437/2567 ประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มิได้ระบุเงื่อนไขการเข้าเสนอราคาให้ชัดแจ้งว่า ผู้เข้าเสนอราคาที่เป็นผู้มีสิทธิขอหักส่วนได้ใช้แทนนั้นต้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิเหนือที่ดินที่ขายตามคำชี้ขาดของศาลดังเช่นที่กำหนดไว้ในระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 79 ทั้งในประกาศขายทอดตลาดมีข้อความระบุไว้ว่า “ที่ดินที่จะขายติดจำนองบริษัทบริหารสินทรัพย์ อ. เจ้าหนี้ตามมาตรา 95” เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองและเป็นผู้มีสิทธิขอหักส่วนได้ใช้แทนตามประกาศขายทอดตลาดดังกล่าว ที่ผู้ร้องมิได้วางหลักประกันก่อนเข้าเสนอราคาเนื่องจากเห็นว่าตนเป็นผู้มีสิทธิขอหักส่วนได้ใช้แทนจึงชอบแล้ว การที่ผู้คัดค้านที่ 1 ไม่ให้ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ผู้รับจำนองเข้าสู้ราคาโดยอ้างว่าผู้ร้องมิใช่ผู้สิทธิหักส่วนได้ใช้แทน ย่อมทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีไม่มีสิทธิเต็มที่ในการเข้าสู้ราคาไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 331 วรรคสาม การขายทอดตลาดของผู้คัดค้านที่ 1 จึงฝ่าฝืนกฎหมาย ศาลย่อมมีอำนาจสั่งเพิกถอนการขายทอดตลาดได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 295 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย พ.ศ. 2542 มาตรา 14

(หมายเหตุ 1 ระเบียบกระทรวงยุติธรรม ว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดี พ.ศ. 2522 ข้อ 79 กำหนดว่า “ผู้ซื้อที่ดินซึ่งจะขอหักส่วนได้ใช้แทนราคาซื้อได้ คือ (1) ผู้มีชื่อในโฉนดร่วมกับลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือผู้มีส่วนได้จากกองมรดกตามคำพิพากษาในคดีนั้นด้วย (2) เจ้าหนี้บุริมสิทธิ์เหนือที่ดินที่ขายตามคำชี้ขาดของศาล”

2 “ผู้ซื้อ” หมายความถึงผู้ซื้อทรัพย์สินได้จากการขายทอดตลาด ระเบียบข้อ 79 ดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่ผู้ซื้อที่ดินได้จากการขายทอดตลาดขอหักส่วนได้ใช้แทนราคาที่ดินที่ซื้อได้เพื่อให้ตนไม่ต้องนำเงินค่าที่ดินที่ต้องชำระมาวางโดยให้หักจากจำนวนเงินที่ตนมีสิทธิจะได้รับจากการขายทอดตลาด ผู้ซื้อที่ดินซึ่งจะขอหักส่วนได้ใช้แทนได้นั้นจึงต้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิเหนือที่ดินที่ขายตามคำชี้ขาดของศาลเพื่อให้แน่ชัดว่าตนจะได้รับชำระหนี้เพียงใด เพียงพอต่อค่าซื้อที่ดินหรือไม่ และจะต้องชำระค่าซื้อที่ดินเพิ่มหรือไม่ เท่าใด

3 ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี เรื่อง ขายทอดตลาดที่ดิน มิได้ระบุว่าผู้เข้าเสนอราคาที่เป็นผู้มีสิทธิขอหักส่วนได้ใช้แทนนั้นต้องเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิเหนือที่ดินที่ขายตามคำชี้ขาดของศาล ย่อมทำให้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีไม่มีสิทธิเต็มที่ในการเข้าสู้ราคา จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติตาม ป.วิ.พ. มาตรา 331 วรรคสาม)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3606.ยึดทรัพย์แล้วยังไม่มีการขายทอดตลาด ไม่มีเหตุที่จะขยายระยะเวลาการบังคับคดี

คำพิพากษาฎีกาที่ 1234/2567 (เล่ม 8 หน้า 1706) การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลต้องอาศัยและตามคำบังคับที่ได้ออกตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 เช่นนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับคดีแก่ทรัพย์สินอื่นของจำเลยให้ผิดไปจากคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลได้ การบังคับคดีต้องเป็นไปตามคำพิพากษาที่กำหนดลำดับในการบังคับแก่ทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา และตราบใดที่เจ้าพนักงานบังคับคดียังขายทอดตลาดทรัพย์ จำนองไม่ได้ก็ไม่อาจทราบว่าราคาที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองเพียงพอแก่การชำระหนี้ตามคำพิพากษาหรือไม่ เพียงใด แม้ทรัพย์จำนองจะมีราคาประเมินต่ำกว่าหนี้ตามคำพิพากษาก็ตาม

แม้การที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดไม่ใช่ความผิดของโจทก์ และโจทก์ไม่สามารถนำทรัพย์จำนองไปขายเองต้องให้เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดก็ตาม แต่การที่โจทก์ปล่อยเวลาผ่านไป 9 ปี โดยไม่ดำเนินการเร่งรัดเจ้าพนักงานบังคับคดี ทั้งไม่ให้เหตุผลว่าเหตุใดปล่อยให้เวลาผ่านไปจนใกล้จะหมดเวลาที่จะบังคับคดี ย่อมทำให้เห็นว่าโจทก์ไม่ได้ขวนขวายที่จะบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์จำนองภายในเวลาอันสมควร การบังคับคดีไม่เป็นไปลำดับตามคำพิพากษาของศาล คดีโจทก์ไม่มีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่จะขอขยายระยะเวลาการบังคับคดีออกไปอีก

(หลักกฎหมาย ป.วิ.พ.มาตรา 23 , 274)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์รับเรื่องช่วยเหลือ ผู้เสียหายจากตึก สตง.ถล่ม

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา และส่งผลให้เกิดโศกนาฏกรรมการถล่มของตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนั้น สร้างความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างใหญ่หลวง

ในนามของสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้ประสบภัยทุกท่าน และขอเรียนว่า สภาทนายความไม่ได้นิ่งนอนใจ เราจึงได้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมาย ผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และตึกถล่มขึ้น ณ บริเวณหน้าตึก สตง.

เราได้จัดส่งทีมทนายความเข้าไปประจำศูนย์ เพื่อรับเรื่องร้องเรียน รับฟังข้อมูล และสอบข้อเท็จจริงจากผู้ประสบภัยและญาติของผู้ประสบภัยโดยตรง เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์แนวทางการดำเนินคดีอย่างรอบคอบ ทั้งในรูปแบบคดีแพ่งสามัญ หรือคดีแบบกลุ่ม (Class Action) แล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละกรณี

ทั้งนี้ นับจนถึงวันนี้ มีผู้ประสบภัยและญาติของผู้ประสบภัย เข้ามาให้ข้อมูลกับศูนย์ช่วยเหลือฯแล้วประมาณ 21 ราย ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผู้เสียชีวิต กลุ่มของผู้สูญหาย และกลุ่มผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าว

อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายโดยสภาทนายความในครั้งนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นเพื่อให้ผู้ประสบภัยทุกท่านสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม

โดยศูนย์ช่วยเหลือฯ จะเปิดให้บริการรับเรื่องที่บริเวณใกล้กับเต้นท์พักพิงของญาติผู้ประสบภัย ไปจนถึงวันพุธ ที่ 30 เมษายน 2568 และสำหรับผู้ที่ต้องการให้ข้อมูลหลังจากวันที่ 30 เมษายน ขอให้ติดต่อไปยังสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือโทร 0 2522 7124-27 ต่อ 131, 133, 134

โดยเราได้เตรียมแบบฟอร์มและแนวคำถามเบื้องต้นไว้เพื่อให้การเก็บข้อมูลเป็นไปอย่างครบถ้วนและเป็นระบบ

อนึ่ง ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้กล่าวว่า เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ได้รับการติดต่อจาก ร.ต.อ. สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทางท่าน พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และท่าน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้มอบหมายให้ติดต่อนายกสภาทนายความเพื่อแจ้งให้ทราบว่า ร.ต.อ. สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งว่าในวันที่ 29 เมษายน 2568 ทางสถานทูตจีน และตัวแทนบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด นัดพบแจ้งความประสงค์เพื่อชดใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นโดยไม่ผูกพันทางกฎหมาย(ทางคดี)ให้แก่ท่านที่ได้รับบาดเจ็บ และครอบครัวที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยรายละเอียดจะได้ไปร่วมประชุมกันในวันที่ 29 เมษายน 2568 เวลาประมาณช่วงเย็นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนเวลาที่แน่นอนนั้น รอท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมยืนยันเนื่องจากในวันดังกล่าวท่านมีประชุม ครม. ที่ต่างจังหวัด

สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์พร้อมที่จะเคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบ เพื่อดำเนินการเรียกร้องสิทธิและความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวได้ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือโทร 0 2522 7124-27 ต่อ 131, 133, 134

 

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3605.สำเนาคำพิพากษาเป็นเอกสารราชการ รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้

คำพิพากษาฎีกาที่ 2231/2567 (เล่ม 8 หน้า 1797) ข้อความตามความผิดที่โจทก์ฟ้องตามกฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลยังต้องฟังพยานหลักฐานโจทก์อยู่ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง มิใช่ว่าเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและไม่สืบพยานของตนแล้ว ศาลจำต้องรับฟังเป็นเด็ดขาดว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องเสมอไป ฉะนั้น หากมีกรณีที่ พยานหลักฐานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพ ปรากฏว่าจำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดก็ดี คดีขาดอายุความแล้วก็ดี หรือมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษก็ดี ศาลก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ ตามมาตรา 185 วรรคหนึ่ง

จำเลยอ้างส่งสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ยื่นฟ้องโจทก์ร่วมที่ 1 จากเหตุการณ์เดียวกันกับคดีนี้ ซึ่งโจทก์ร่วมที่ 1 ให้การรับสารภาพ โดยยอมรับว่าคืนเกิดเหตุโจทก์ร่วมที่ 1 บุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยของจำเลย แล้วโจทก์ร่วมที่ 1 ใช้ท่อนไม้ยาวประมาณ 1 เมตร ตีทำร้ายจำเลยที่ศีรษะ มือ และแขน จนจำเลยได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจจริง เมื่อสำเนาคำพิพากษาเป็นเอกสารราชการของศาลชั้นต้นเอง ทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมที่ 1 มิได้แก้อุทธรณ์ว่าเอกสารนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบที่จะรับฟังข้อเท็จจริงตามเอกสารนั้นประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมที่ 1 เป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิ ป้องกัน เพียงแต่การใช้สิทธิของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุเท่านั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเนื่องจากเป็นพยานหลักฐานซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87(2) ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนไม่

โจทก์ร่วมที่ 1 โกรธที่จำเลยโพสต์ภาพโจทก์ร่วมที่ 1 ประกอบข้อความด่าทอโจทก์ร่วมที่ 1 ในสื่อสังคมออนไลน์ จึงไปหาจำเลย เหตุการณ์ที่จำเลยพูดจาท้าทายโจทก์ร่วมที่ 1 ว่า แน่จริงให้ไปหาจำเลยที่บ้านได้ยุติไปแล้ว เพราะเหตุที่โจทก์ร่วมที่ 1 ไม่สนใจ แม้โจทก์ร่วมที่ 1 จะเกิดโทสะบ้างจากการที่ถูกจำเลยด่าทอในสื่อสังคมออนไลน์ ก็หาทำให้โจทก์ร่วมที่ 1 มีความชอบธรรมใดๆ ที่จะบุกรุกเข้าไปทำร้ายจำเลยถึงภายในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัย การกระทำของโจทก์ร่วมที่ 1 ถือเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย อันจำเลยชอบที่จะใช้สิทธิป้องกันได้ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมที่ 1 และจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน

(หลักกฎหมาย ป.อ. มาตรา 68 ป.วิ.อาญา มาตรา 15, 176 ป.วิ.พ. มาตรา 87)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

สภาทนายความจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับชมรมทนายความจังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีรดน้ำดำหัวขอพรจากทนายความอาวุโส จัดมาเป็นปีที่ 50

เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2568 ณ ภัตตาคารอาหารจีนเจี่ยท้งเฮง 1 ถนนศรีดอนไชย ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

นางพรสวรรค์ สังข์สังวาลย์ ประธานสภาทนายความจังหวัดเชียงใหม่ นายธนพล วงศ์จรัสกุล ประธานชมรมทนายความจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกรรมการชมรมฯ นำทนายความจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 200 คน เข้ารดน้ำดำหัว ประเพณีปีใหม่เมือง ขอพรตัวแทนทนายความอาวุโส จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 7 ท่าน ประกอบไปด้วย 1.ดร.พงศ์ สุภาวสิทธิ์ 2.คุณนำพล จุลพันธ์ 3.พ.ต.ท.สวัสดิ์ จันทรปรีดา 4.ผศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ นวานุช 5. คุณทวีศักดิ์ นิลรัตนบรรพต 6.ดร.โสภิศ อินทสโร 7.คุณปราโมทย์ ชำนาญเอื้อ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สภาทนายความจังหวัดเชียงใหม่ และชมรมทนายความจังหวัดเชียงใหม่ จัดขึ้นทุกๆปี ซึ่งเป็นประเพณีสืบต่อกันมายาวนาน เเละเป็นการแสดงความคารวะแด่ผู้อาวุโสในวิชาชีพทนายความ

ดร.พงศ์ สุภาวสิทธิ์ หนึ่งในทนายความอาวุโส ได้ให้โอวาทว่า กิจกรรมรดน้ำดำหัวเป็นประเพณีที่ดีงาม ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ตั้งแต่สมัย ก่อตั้งชมรมทนายความจังหวัดเชียงใหม่ เป็นกิจกรรมที่ทนายความ จะมีความสามัคคีกัน ขอให้ทนายความทุกท่านมีความสุขในการประกอบอาชีพ มีความสำเร็จทั้งการงาน การเงิน และสุขภาพ หลังจากเสร็จสิ้นพิธีรดน้ำดำหัวเป็นที่เรียบร้อย จากนั้น ได้มีการเลี้ยงสังสรรค์กันในกลุ่มทนายความด้วยกัน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่นและกันเอง

 

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3604.คำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ไม่ใช่คำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2567 คำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมเพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ยหรือเพื่อใช้ค่าทดแทน หากตนเองต้องแพ้คดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (3) นั้น ไม่ใช่คำฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 1 (3) เพราะเป็นแต่คำร้องให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยและให้เข้าร่วมรับผิดกับจำเลยต่อโจทก์ด้วยเท่านั้น จำเลยไม่ได้ขอบังคับให้จำเลยร่วมที่ 1 และที่ 2 ชำระหนี้แก่จำเลยแต่อย่างใด ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำร้องให้เรียกจำเลยร่วมที่ 1 และที่ 2 เข้ามาในคดี ไม่เป็นฟ้องซ้อนนั้นชอบแล้ว

จำเลยและจำเลยร่วมที่ 1 เป็นผู้ขนส่งหลายคนหลายทอดต้องรับผิดร่วมกันในความเสียหายของสินค้าที่ส่งต่อโจทก์ซี่งเป็นผู้ส่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 618 ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการต้องร่วมรับผิดกับจำเลยร่วมที่ 1 ด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1077 (2) ประกอบมาตรา 1087 คำร้องขอให้เรียกจำเลยร่วมที่ 1 และที่ 2 เข้ามาในคดีเป็นการใช้สิทธิของจำเลยเพื่อไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยร่วมที่ 1 และที่ 2 มิใช่เป็นคำฟ้องของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่

การใช้สิทธิไล่เบี้ยระหว่างลูกหนี้ร่วมซึ่งเป็นผู้ขนส่งหลายทอดด้วยกันนั้น กฎหมายไม่ได้กำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าคำร้องของจำเลยที่ให้เรียกจำเลยร่วมที่ 1 และที่ 2 เข้ามาเป็นจำเลยร่วมไม่ขาดอายุความนั้นชอบแล้ว

(หมายเหตุ 1 คดีนี้ จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกห้างหุ้นส่วนจำกัด ท. นางสาว ธ. และบริษัท ว. เข้าเป็นจำเลยร่วมตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (3) เป็นการใช้สิทธิของจำเลยเพื่อไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยร่วมที่ 1 และที่ 2 มิใช่เป็นคำฟ้องของโจทก์ จึงไม่มีประเด็นว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849