รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

27 เมษายน 2025
1215   0

Lawyer Council Online Share

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3605.สำเนาคำพิพากษาเป็นเอกสารราชการ รับฟังประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ได้

คำพิพากษาฎีกาที่ 2231/2567 (เล่ม 8 หน้า 1797) ข้อความตามความผิดที่โจทก์ฟ้องตามกฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลยังต้องฟังพยานหลักฐานโจทก์อยู่ต่อไปจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง มิใช่ว่าเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพและไม่สืบพยานของตนแล้ว ศาลจำต้องรับฟังเป็นเด็ดขาดว่า จำเลยได้กระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องเสมอไป ฉะนั้น หากมีกรณีที่ พยานหลักฐานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพ ปรากฏว่าจำเลยมิได้กระทำผิดก็ดี การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดก็ดี คดีขาดอายุความแล้วก็ดี หรือมีเหตุตามกฎหมายที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษก็ดี ศาลก็ชอบที่จะยกฟ้องโจทก์เสียได้ ตามมาตรา 185 วรรคหนึ่ง

จำเลยอ้างส่งสำเนาคำพิพากษาศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ยื่นฟ้องโจทก์ร่วมที่ 1 จากเหตุการณ์เดียวกันกับคดีนี้ ซึ่งโจทก์ร่วมที่ 1 ให้การรับสารภาพ โดยยอมรับว่าคืนเกิดเหตุโจทก์ร่วมที่ 1 บุกรุกเข้าไปในเคหสถานที่อยู่อาศัยของจำเลย แล้วโจทก์ร่วมที่ 1 ใช้ท่อนไม้ยาวประมาณ 1 เมตร ตีทำร้ายจำเลยที่ศีรษะ มือ และแขน จนจำเลยได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจจริง เมื่อสำเนาคำพิพากษาเป็นเอกสารราชการของศาลชั้นต้นเอง ทั้งโจทก์และโจทก์ร่วมที่ 1 มิได้แก้อุทธรณ์ว่าเอกสารนั้นไม่ถูกต้องอย่างไร ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ชอบที่จะรับฟังข้อเท็จจริงตามเอกสารนั้นประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมที่ 1 เป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายร่างกายจำเลยก่อน จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิ ป้องกัน เพียงแต่การใช้สิทธิของจำเลยเป็นการเกินสมควรแก่เหตุเท่านั้นได้ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเนื่องจากเป็นพยานหลักฐานซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 87(2) ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 กรณีหาใช่เป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนไม่

โจทก์ร่วมที่ 1 โกรธที่จำเลยโพสต์ภาพโจทก์ร่วมที่ 1 ประกอบข้อความด่าทอโจทก์ร่วมที่ 1 ในสื่อสังคมออนไลน์ จึงไปหาจำเลย เหตุการณ์ที่จำเลยพูดจาท้าทายโจทก์ร่วมที่ 1 ว่า แน่จริงให้ไปหาจำเลยที่บ้านได้ยุติไปแล้ว เพราะเหตุที่โจทก์ร่วมที่ 1 ไม่สนใจ แม้โจทก์ร่วมที่ 1 จะเกิดโทสะบ้างจากการที่ถูกจำเลยด่าทอในสื่อสังคมออนไลน์ ก็หาทำให้โจทก์ร่วมที่ 1 มีความชอบธรรมใดๆ ที่จะบุกรุกเข้าไปทำร้ายจำเลยถึงภายในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัย การกระทำของโจทก์ร่วมที่ 1 ถือเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย อันจำเลยชอบที่จะใช้สิทธิป้องกันได้ มิใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมที่ 1 และจำเลยสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน

(หลักกฎหมาย ป.อ. มาตรา 68 ป.วิ.อาญา มาตรา 15, 176 ป.วิ.พ. มาตรา 87)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849