รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

20 ธันวาคม 2024
717   0

Lawyer Council Online Share

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3478.ภริยาฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจากสามี โดยไม่ต้องฟ้องหย่า

คำพิพากษาฎีกาที่ 2109/2567 (เล่ม 5 หน้า 1019) ป.พ.พ. มาตรา 1461 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง และมาตรา 1598/38 เป็นบทบัญญัติคุ้มครองแก่สามีภริยาให้ฝ่ายที่มีฐานะดีต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่ง มิฉะนั้นอีกฝ่ายมีสิทธิฟ้องหย่าได้ตามมาตรา 1516(6) แต่ถ้าไม่ประสงค์จากฟ้องหย่าก็สามารถฟ้องเรียกเฉพาะค่าเลี้ยงดูได้ ตามมาตรา 1598/38 สิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูหาใช่เป็นสิทธิที่เกิดขึ้นเมื่อมีการฟ้องหย่าไม่ เมื่อฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นภริยาไม่ได้ทำงานประจำและมีรายได้ไม่แน่นอน ย่อมเป็นฝ่ายที่ควรได้รับอุปการะเลี้ยงดูแต่ไม่ได้รับการอุปการะเลี้ยงดู จึงมีสิทธิที่จะขอให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายสามีช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการครองชีพได้

จำเลยมีหนังสือร้องเรียนโจทก์เกี่ยวกับเรื่องความประพฤติส่วนตัวโจทก์ ซึ่งจำเลยในฐานะภริยาชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ย่อมมีความชอบธรรมที่จะป้องกันหรือขัดขวางมิให้โจทก์กับหญิงอื่นมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวต่อกันอันเป็นเหตุให้ครอบครัวเดือดร้อนได้ ประกอบกับเรื่องที่จำเลยร้องเรียนนั้นมีมูล และศาลพิพากษาตามยอมให้นางสาว ร. ชำระค่าทดแทนแก่จำเลย แสดงว่าจำเลยกระทำเพื่อรักษาสิทธิในครอบครัวเพื่อไม่ให้ ร. เข้ามาเกี่ยวข้องกับโจทก์ซึ่งเป็นสามีชอบด้วยกฎหมายของจำเลย อันจะทำให้เกิดความร้าวฉานในครอบครัว จึงมีมูลความจริง อันเป็นเหตุให้จำเลยต้องร้องเรียนต่อผู้บังคับบัญชาของโจทก์ ทั้งยังเป็นความถูกต้องชอบธรรมที่จำเลยจักกระทำเพื่อคุ้มครองสิทธิ เนื่องจากโจทก์ซึ่งเป็นสามีไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด เช่นนี้ไม่ถือว่าจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้โจทก์ฟ้องหย่าได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516(6)

สามีหรือภริยาที่จะอ้างเหตุฟ้องหย่าว่า อีกฝ่ายทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยากันอย่างร้ายแรงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516(6) ต้องไม่มีส่วนร่วมที่จะต้องรับผิดในการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์นั้นด้วย เมื่อต้นเหตุแห่งการฟ้องหย่า เกิดจากโจทก์ลงมือทำร้ายร่างกายจำเลยถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกกระทำต่อหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ และโจทก์เอาไปเสียซึ่งเอกสารบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน และหนังสือสำคัญการเปลี่ยนชื่อตัวของจำเลย แล้วปลอมลายมือชื่อจำเลยในเอกสารคำขอและหนังสือกู้สามัญของสหกรณ์ออมทรัพย์ เพื่อนำเงินไปใช้ส่วนตัวกับนางสาว ร. เป็นความผิดอาญาแผ่นดินมีโทษถึงจำคุก โดยมุ่งประสงค์ให้อีกฝ่ายหนึ่งไม่อาจทนรับได้ เช่นนี้การที่จำเลยแจ้งความดำเนินคดีแก่โจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต เพื่อปกป้องสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย และมีศักดิ์ศรี มิได้มีเจตนาจะให้โจทก์รับโทษจำคุก หรือออกจากราชการ โจทก์จะอ้างมาเป็นเหตุว่าจำเลยกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงย่อมไม่ได้ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516(6)

จำเลยไม่ได้สมัครใจแยกกันอยู่กับโจทก์ แต่เป็นความประสงค์ของโจทก์เพียงฝ่ายเดียว กรณีไม่ต้องด้วยเหตุหย่าตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516(4/2) โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องหย่าจำเลย

(หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เหตุฟ้องหย่าอันมิใช่เกิดจากความยินยอมพร้อมใจของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายตาม ป.พ.พ. มาตรา 1516 นั้น โจทก์ต้องพิสูจน์ให้ศาลเชื่อได้ว่า จำเลยเป็นฝ่ายประพฤติตนไม่สมควรหรือกระทำการอันเข้าเงื่อนไขที่มาตรา 1516 กำหนด

2 และศาลฎีกายังวินิจฉัยอีกว่า สามีหรือภริยาที่จะอ้างเหตุฟ้องหย่าว่าอีกฝ่ายทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรง จะต้องไม่มีส่วนร่วมที่จะต้องรับผิดในการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ดังกล่าวนั้นด้วย มิฉะนั้นจะนำมาเป็นเหตุฟ้องหย่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้

3 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน

4 ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

5 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849