ฎีกาเด่นรายวัน โดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

3285.ขายที่ดินของผู้เยาว์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2567 ผู้ร้องขอขายที่ดินซึ่งผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้เยาว์ เพื่อการศึกษาแก่ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตร ผู้ร้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมมาร้องขออนุญาตทำนิติกรรมขายที่ดินต่อศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 1574 ก็เพื่อให้ศาลกำกับดูแลให้เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อผู้เยาว์หรือก่อความเสียหายแก่ผู้เยาว์น้อยที่สุด เมื่อได้ความว่าการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งอนาคตของผู้เยาว์และได้รับราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะอนุญาตให้มีการขายได้โดยเร็วเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ ที่ศาลชั้นต้นอ้างว่าการทำนิติกรรมขายไม่ได้รับความยินยอมจาก จ. มารดาผู้เยาว์ เป็นการวินิจฉัยขัดกับข้อเท็จจริงเนื่องจากที่ จ. ไม่ได้ดูแลผู้เยาว์และไม่อาจติดต่อได้ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษอ้างว่า ไม่มีเรื่องเร่งด่วนหรือเหตุฉุกเฉิน ก็ไม่ได้อยู่ในบริบทที่มาตรา 1574 กำหนดไว้ ส่วนที่อ้างว่ารอให้ผู้เยาว์ทั้งสองเจริญวัยจนบรรลุนิติภาวะตัดสินใจเอง ก็เป็นข้อวินิจฉัยที่ขัดต่อเจตนารมณ์ที่มาตรา 1574 ให้ศาลกำกับดูแลการทำนิติกรรม ไม่ใช่ปล่อยให้ช่วงเวลาที่ยังเป็นผู้เยาว์เสียไปโดยเปล่าประโยชน์

(หมายเหตุ 1 ผู้ร้องและ จ.หย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา โดยผู้ร้องและ จ.เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสองร่วมกัน

2 ผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างร่วมกับผู้เยาว์ทั้งสองกับ ก.บุตรอีกคนหนึ่ง ผู้เยาว์ทั้งสองกับ ก.อยู่กับผู้ร้อง ผู้ร้องให้การอุปการะเลี้ยงดูคนเดียว ส่วน จ.มารดาไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด ขาดการติดต่อกันตั้งแต่ปี 2558

3 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมขายที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างในส่วนของผู้เยาว์ทั้งสองที่ถือกรรมสิทธิ์รวมแทนผู้เยาว์ทั้งสอง

4 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน

5 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องจะขอขายทรัพย์กรรมสิทธิ์ร่วม มีเหตุผลเพื่อการลงทุนในการศึกษาแก่ผู้เยาว์ทั้งสองให้มีความรู้เพราะการมีวิชาความรู้ย่อมสร้างโอกาสที่จะหาที่ดินที่เสียไปให้กลับมีขึ้นอีกได้ง่าย และดีกว่าการมีที่ดินแต่ไร้วิชาความรู้ อันจะทำให้ต้องสูญเสียที่ดินไปโดยง่ายในอนาคตและไร้ประโยชน์แก่ผู้เยาว์ทั้งสอง

6 และศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในส่วนที่ผู้เยาว์ทั้งสองผู้ถือกรรมสิทธิ์รวม)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3284.ปลอมเอกสารผู้มาใช้บริการของคลินิก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2566 (เล่ม 6 หน้า 1) จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหาย โดยมีรายละเอียดว่า โจทก์ร่วมรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลยมาโดยตลอด ถือว่าโจทก์ร่วมมีส่วนร่วมกระทำความผิดกับจำเลยด้วย ซึ่งการวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องย้อนไปวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ร่วมมีส่วนร่วมกระทำความผิดกับจำเลยตามที่จำเลยอุทธรณ์หรือไม่ อุทธรณ์จำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายที่จำเลยกล่าวอ้าง มิใช่อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพโดยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้ เพิ่งยกข้อเท็จจริงนั้นในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่อันไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยเพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ชอบแล้ว

การกระทำความผิดในแต่ละวันเกิดเหตุจะเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม ย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของการกระทำ ที่จำเลยมีเจตนามุ่งกระทำเพื่อให้เกิดผลต่อผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง มิได้พิจารณาจากจำนวนของผู้ประกันตน ที่ถูกปลอมเอกสารแต่ละคนเพียงอย่างเดียวเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลย เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามฟ้องว่า วันเกิดเหตุแต่ละวันจำเลยทำเอกสารและเอกสารสิทธิปลอม แล้วจำเลยนำเอกสารที่ทำปลอมดังกล่าวไปใช้แสดงเพื่อฉ้อโกงและพยายามฉ้อโกงโจทก์ร่วม ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยทำเอกสารและเอกสารสิทธิปลอมเพื่อจะนำไปใช้ฉ้อโกงและพยายามฉ้อโกงโจทก์ร่วมอันเป็นการกระทำต่อเนื่องด้วยเจตนาเดียว เพื่อให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อว่า ผู้ประกันตนได้รับบริการทางการแพทย์และคลินิกมีรายได้จากการบริการทางการแพทย์จากบุคคลดังกล่าว การกระทำของจำเลยแต่ละวันเกิดเหตุจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

(หมายเหตุ 1 จำเลยดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝึกหัดของโจทก์ร่วมซึ่งเปิดกิจการคลินิกทันตกรรม

2 โจทก์ร่วมกำหนดให้จำเลยบริหารเวลาให้คลินิกมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 6,000 บาท หากรายได้ต่อเดือนของคลินิกต่ำกว่า 1 ล้านบาท จำเลยจะไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น

3 จำเลยปลอมเอกสารว่า มีผู้ประกันตนมาใช้บริการที่คลินิกของโจทก์ร่วม วันแรกจำนวน 5 คน วันที่สองจำนวน 1 คน วันที่สามจำนวน 3 คน และวันที่สี่จำนวน 2 คน รวม 11 คน

4า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 264 วรรคแรก ,265, 341 ประกอบมาตรา 80 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป มีเหตุบรรเทาโทษคงจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 11 กระทง เป็นจำคุก 11 ปี 66 เดือน

5 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 8 ปี ลดโทษแล้วคงจำคุก 4 ปี

6 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3283.แก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2566 (เล่ม 5 หน้า 137) ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1119 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “หุ้นทุกๆหุ้นจำต้องใช้เป็นเงินจนเต็มค่า เว้นแต่หุ้นเพิ่งออกตามบทบัญญัติมาตรา 1108 อนุมาตรา (5) หรือมาตรา 1221” วรรคสอง บัญญัติว่า “ในการใช้เงินเป็นค่าหุ้นนั้น ผู้ถือหุ้นจะหักหนี้กับบริษัทหาได้ไม่” มิได้มีบทบัญญัติใดบัญญัติว่า หากมิได้ดำเนินการตามมาตรา 1119 แล้ว จะทำให้การเป็นผู้ถือหุ้นเป็นโมฆะ หรือกลับกลายไม่เป็นผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด ดังนั้น บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวจึงมีผลแต่เพียงว่า ผู้ถือหุ้นดังกล่าวยังไม่ได้ใช้เงินเป็นค่าหุ้นแก่บริษัทเท่านั้น โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 2 โดยได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของจำเลยที่2 ที่มีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นส่งไปยังนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดพิษณุโลก โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องในความผิดต่อ พ.ร.บ. กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 42 และ ป.อ.มาตรา 137

(หมายเหตุ 1 จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โจทก์มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 2

2 ในปี 2561 โจทก์ตรวจสอบแล้วไม่ปรากฏชื่อโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 2 แต่ไปปรากฏเป็นชื่อของจำเลยที่ 1

3 วันที่ 12 กันยายน 2562 ก่อนฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 2

4 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม ป.อ.มาตรา 137, 264, 265, 266, และ 268 พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำเลย สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 มาตรา 42

5 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำเลย สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 มาตรา 42 จำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 4 คนละ 2 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 1

6 ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 137 ปรับ 9,000 บาท

7 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3282.ไม่ได้แจ้งว่าเคยตรวจสุขภาพ เสียชีวิต บริษัทประกันไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2566 (เล่ม 5 หน้า 103) การที่ ย. รู้ถึงข้อเท็จจริงที่ตนเคยได้รับการตรวจสุขภาพและแพทย์ให้ข้อสังเกตว่าตนเป็นโรคความดันโลหิตสูงมาก่อนแล้ว แต่ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้น ซึ่งหาก ย. เปิดเผยย่อมจูงใจให้จำเลยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาไม่ว่า ย. จะได้รับการรักษาต่อไปตามคำแนะนำของแพทย์หรือไม่ จะเข้าพบแพทย์ด้วยสิทธิประโยชน์ทางใด หรือจะได้รับการจ่ายยาเพื่อรักษา โรคหรือไม่ รวมทั้งแท้จริงแล้ว ย.จะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องข้อมูลที่จำเลยได้รับขณะทำสัญญาประกันภัยไม่ถูกต้องและเป็นข้อสำคัญที่จำเลยจะปฏิเสธไม่รับประกันภัย หรือหากจะรับประกันภัยก็ต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปว่า ควรเสี่ยงรับประกันภัย ย.หรือไม่ ทั้งข้อวินิจฉัยของแพทย์ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตโดยแพทย์แล้วว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว ไม่ว่า ย. จะถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุใด การที่ ย. ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความดังกล่าว สัญญาประกันชีวิตตามฟ้องย่อมตกเป็นโมฆียะ เมื่อจำเลยบอกล้างภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้วให้ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก จำเลยจึงไม่จำต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์

(หมายเหตุ 1 ตามใบคำขอเอาประกันชีวิตมีข้อความว่า ท่านเคยได้รับการวินิจฉัยหรือรับการรักษา หรือตั้งข้อสังเกตโดยแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคตามรายการท้ายคำถามนี้หรือไม่ ซึ่งมีโรคความดันโลหิตสูงอยู่ด้วย

2 ย.ถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โจทก์จึงมีหนังสือเรียกให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์

3 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย

4 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

5 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ดร.วิเชียรเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ ทนายอาสาจังหวัดนนทบุรี

เมื่อวันอังคารที่ 4 มิถุนายน 2567 เวลา 17.00 น. ที่วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยนายศิริศักดิ์ อมาตยกุล ประธานสภาทนายความจังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางไปร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ทนายชัยรบ อนันตวิริยพันธ์ ทนายอาสาจังหวัดนนทบุรี โดยมีเพื่อนร่วมอาชีพทนายความตลอดจนเพื่อนฝูงร่วมงานศพจำนวนนมาก

ทั้งนี้ ดร.วิเชียร จึงได้ขอให้ดวงวิญญาณของทนายชัยรบ อนันตวิริยพันธ์ จงสู่สุคติในสัมปรายภพตราบนิรันดร์

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3281.ฟ้องโดยใช้ใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2566 (เล่ม 5 หน้า 60) แม้โจทก์ไม่สามารถนำพยานหลักฐานเกี่ยวกับการสมัครบัตรเครดิตมาแสดงต่อศาล คงมีเพียงรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหาย โดยไม่ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับการสูญหายของเอกสารดังกล่าวก็ตาม แต่คดีนี้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นให้โจทก์ส่งเอกสารแทนการสืบพยาน ซึ่งตามใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิต/ใบเสร็จที่โจทก์นำส่งปรากฏรายการใช้จ่ายยอดชำระเงินและจำนวนหนี้คงเหลือในระหว่างเดือนธันวาคม 2556 ถึงเดือนตุลาคม 2562 เวลาต่อเนื่องกันทุกเดือนเกือบ 6 ปี ลักษณะเป็นข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บ รักษา และประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามนิยามศัพท์ ในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 จำเลยย่อมไม่อาจปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความดังกล่าว ดังที่บัญญัติใดมาตรา 7 ได้ มูลหนี้ตามคำฟ้องโจทก์จึงมีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย จำเลยจึงต้องรับผิดในหนี้ บัตรเครดิตต่อโจทก์

(หมายเหตุ 1 คดีนี้ โจทก์รับโอนหนี้มาจากบริษัท อ. โดยมีเพียงรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายซึ่งไม่ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับการสูญหายของเอกสารดังกล่าว

2 ในชั้นพิจารณาโจทก์ส่งเพียงใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิต/ใบเสร็จ ต่อศาล ซึ่งปรากฏรายการใช้จ่ายยอดชำระเงินและจำนวนหนี้คงเหลือระหว่างเดือนธันวาคม 2556 ถึงเดือนตุลาคม 2562

3 โจทก์มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิ บอกเลิกสัญญาและบอกกล่าวทวงถาม

4 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่มีมูลและพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

5 ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้จำเลยชำระชำระเงินตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

 

📍เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 – 16.30 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยาย หลักสูตรการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 (รุ่นที่ 12) หัวข้อเรื่อง “ศิลปะในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท”

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร.อภิญญา ดิสสะมาน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า เป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อเรื่อง “ทักษะที่จำเป็นและเทคนิคในการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท” และ “ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ข้อท้าทาย และอุปสรรคในการเจรจาไกล่เกลี่ย”

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

3280.บรรยายฟ้องขอให้บวกโทษ

คำพิพากษาฎีกาที่ 3546/2566 (เล่ม 12 หน้า 2827) โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถจัดหางานหรือส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และฐานฉ้อโกง อันเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษในคดีก่อนทั้งสามคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษและภายหลังจากนั้น จึงไม่ต้องตาม ป.อ.มาตรา 58 วรรคแรก และไม่อาจนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้ในคดีก่อนทั้งสามคดีมาบวกเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยในคดีนี้ได้

(หมายเหตุ 1 คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 4, 91 ตรี ป.อ. มาตรา 58 , 341 โดยโจทก์บรรยายฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เวลากลางวันต่อเนื่องกันตลอดมา

2 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลที่พิพากษาคดีหลังจากนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษจำเลยไว้ในคดีก่อนทั้งสามคดี มาบวกเข้ากับโทษจำคุกจำเลยในคดีหลังได้ จะต้องได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดในคดีหลังในระหว่างเวลาที่ยังอยู่ภายในกำหนดเวลาการรอการลงโทษจำคุกจำเลยในคดีก่อน

3 ศาลฎีกายังวินิจฉัยต่อไปอีกว่า ความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวล้วนเป็นความผิดสำเร็จ เมื่อผู้กระทำความผิดลงมือหลอกลวงและได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหาย จึงมิใช่ความผิดต่อเนื่องกันดังที่โจทก์ฎีกา)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ดร.วิเชียร เปิดการอบรมโครงการปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน จังหวัดสงขลา ประจำปี 2567

มื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน 2567 เวลา 08.30 – 17.00 น.

ที่โรงแรมหรรษา เจบี ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กหรือเยาวชน ประจำปีงบประมาณ 2567

โดยมี นายสัญญวีณ์ สาสุธรรม อดีตประธานสภาทนายความจังหวัดสงขลา กล่าวต้อนรับ นายโอฬาร กุลวิจิตร กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 9 กล่าวรายงาน นายไพบูลย์ แย้มเอม อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ ผู้ดำเนินรายการ

นอกจากนี้ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “ประมวลจริยธรรมและมรรยาททนายความของทนายความอาสา” นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย บรรยายหัวข้อ “บทบาททนายความอาสากับการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย” นายโอฬาร กุลวิจิตร กรรมการบริหารสภาทนายความภาค 9 บรรยาย หัวข้อ “การดำเนินคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ“ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ รองเลขาธิการ บรรยาย หัวข้อ “พระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ.2562” นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ บรรยายหัวข้อ “ทนายความอาสากับการคุ้มครองสิทธิมุนษยชนในคดีอาญา” ดร.ชัยชีพ ชโลปถัมภ์ กรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย บรรยาย หัวข้อ “กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับทนายความอาสา” ซึ่งมีทนายความในจังหวัดสงขลา และทนายความภาค 9 เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

 

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3279.พลัดตกเตียงขณะทำการตรวจอัลตราซาวด์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2566 (เล่ม 5 หน้า 31) การที่จำเลยที่ 2 ทำการตรวจอัลตร้าซาวด์ให้แก่โจทก์เป็นการให้บริการทางการแพทย์อย่างหนึ่งอันเป็นข้อเท็จจริงที่อยู่ในความรู้เห็นโดยเฉพาะของคู่ความฝ่ายจำเลยทั้งสอง ภาระการพิสูจน์ในประเด็นดังกล่าวจึงตกอยู่แก่จำเลยทั้งสองว่า จำเลยที่ 2 มิได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อ ตาม พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 29

โจทก์ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เมื่อจำเลยที่ 2 ทำการตรวจภาพถ่ายไตด้านขวาของโจทก์ไม่ชัดเจน จึงสอบถามโจทก์ว่า สามารถพลิกตะแคงตัวไปด้านซ้ายเพื่อถ่ายภาพใหม่ได้หรือไม่ โจทก์ตอบว่าได้ หากโจทก์ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ก็น่าจะต้องแจ้งจำเลยที่ 2 เสียตั้งแต่ในขณะนั้น ขณะเกิดเหตุโจทก์และจำเลยที่ 2 อยู่ภายในห้องเพียงลำพัง โดยจำเลยที่ 2 ถือหัวตรวจอัลตราซาวด์ไว้ในมือและต้องเพ่งมองจอภาพเครื่องดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่ข้างหัวเตียงด้านขวาของโจทก์ เมื่อโจทก์พลิกตะแคงตัวตามที่จำเลยที่ 2 บอก แม้เตียงมีขนาดกว้างเพียง 60 เซนติเมตร แต่ก็เป็นขนาดมาตรฐานบุคคลทั่วไปในภาวะเช่นจำเลยที่ 2 ย่อมไม่อาจคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ถึงขนาดที่โจทก์จะพลัดตกจากเตียง เพราะการนอนตะแคงตัวใช้พื้นที่ไม่มาก อีกทั้งจำเลยที่ 2 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรสอบถามโจทก์ก่อนหน้านั้นแล้ว เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 8 มิใช่การกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2

(หมายเหตุ 1 ในขณะเกิดเหตุ โจทก์มีอายุ 82 ปี น้ำหนัก 90 กิโลกรัม มีอาการป่วยหลายโรค วันเกิดเหตุแพทย์นัดโจทก์ตรวจอัลตราซาวด์เส้นโลหิตของไตบริเวณช่องท้อง

2 ขณะโจทก์นอนอยู่บนเตียงตรวจ โจทก์พลัดตกจากเตียงได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าต้องเย็บแผล โดยโจทก์ได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันเกิดเหตุ (9 มีนาคม 2560) จนถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2560 จึงออกจากโรงพยาบาล โจทก์จึงได้มาฟ้องโรงพยาบาลและแพทย์ผู้ทำการตรวจ

3 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 กระทำโดยประมาทเลินเล่อ แต่การขาดความระมัดระวังของจำเลยที่ 2 ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่โจทก์ตอบรับว่าโจทก์สามารถตะแคงตัวได้ และโจทก์มิได้ระมัดระวังตัวความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงเห็นสมควรตกเป็นพับแก่โจทก์ แล้วพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

4 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย ตาม ป.พ.พ. มาตรา 8 มิใช่การกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 2 โดยมีคำวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849