ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3286.ค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรสเรียกร้องได้เพียงใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3296/2566 พิธีสมรสในปัจจุบันมิได้จัดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ทางขนบธรรมเนียมประเพณีแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมีจุดประสงค์เพื่อแสดงถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของคู่บ่าวสาวรวมถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่ายอีกด้วย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในงานพิธีสมรสจึงขึ้นอยู่กับความต้องการของคู่บ่าวสาว สถานะทางการเงินตลอดจนสถานภาพทางสังคมของทั้งคู่ ดังจะเห็นได้ว่า ในปัจจุบันคู่บ่าวสาวจะใช้บริการจัดเตรียมงานโดยติดต่อกับบริษัทที่ทำธุรกิจวางแผนจัดงานแต่งงานที่ให้บริการคำปรึกษาและประสานงานเกี่ยวกับงานหมั้นและงานแต่งงาน ด้วยการแนะนำรูปแบบของงานให้เหมาะสมกับคู่บ่าวสาว และควบคุมให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดอยู่ภายในงบประมาณที่ตั้งไว้ ซึ่งจะให้การบริการโดยดูแลเรื่องเครื่องแต่งกายและภาพถ่ายของคู่บ่าวสาวตั้งแต่การถ่ายภาพก่อนวันแต่งงานและวันหมั้นไปจนถึงพิธีสมรส ทำให้การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกลายเป็นที่นิยมอย่างหนึ่งที่คู่รักแทบทุกคู่ต่างถ่ายภาพก่อนวันแต่งงานเตรียมไว้ เพื่อนำภาพถ่ายไปใช้ทำการ์ดแต่งงาน หรือนำภาพถ่ายไปใช้ตกแต่งในการจัดงานวันหมั้นหรือวันทำพิธีสมรส ตลอดจนทำวิดีโอคู่บ่าวสาวนำเสนอในงานแต่งงาน และเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกภายหลังวันงานแต่งงาน ดังนี้ ทำให้การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งมิใช่สิ่งฟุ่มเฟือยแต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการสมรสที่จำเป็นสำหรับคู่บ่าวสาวเพื่อให้งานพิธีสมรสเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1440 (2) เมื่อได้ความว่าในการเตรียมการสมรสโจทก์กับจำเลยได้ร่วมกันตัดสินใจจัดเตรียมงานโดยกำหนดให้มีการถ่ายภาพพรีเวดดิ้งก่อนแต่งงานจึงเป็นความตั้งใจและสมัครใจของทั้งสองฝ่ายที่ประสงค์จะถ่ายภาพพรีเวดดิ้งก่อนแต่งงาน มิใช่เกิดจากความประสงค์ของโจทก์แต่เพียงฝ่ายเดียว การดำเนินการของโจทก์ดังกล่าวจึงเป็นการเตรียมการก่อนสมรสโดยสุจริต ทั้งโจทก์และจำเลยต่างประกอบอาชีพแพทย์มีรายได้สูง ย่อมมีสถานภาพทางสังคมที่ดี มีเกียรติ และเป็นที่ยอมรับนับถือของคนทั่วไป เมื่อคำนึงถึงสถานะทางการเงินตลอดจนสถานภาพทางสังคมของทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปตามฐานานุรูปและตามสมควร ประกอบกับเหตุที่ผิดสัญญาหมั้นเกิดจากความผิดของจำเลยเพียงฝ่ายเดียว จึงไม่ควรให้ฝ่ายหญิงต้องรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายส่วนนี้ จึงรับฟังได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายเนื่องในการเตรียมการสมรสโดยสุจริตและตามสมควรตาม ป.พ.พ. มาตรา 1440 (2) โจทก์จึงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนดังกล่าวได้

(หมายเหตุ 1 โจทก์ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ ส่วนจำเลยประกอบอาชีพเป็นแพทย์ผู้ชำนาญการเวชศาสตร์ชุมชนและครอบครัว

2 ต่อมาจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น โดยจำเลยมีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับหญิงอื่น

3 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าทดแทนความเสียหายต่อกายและจิตใจและชื่อเสียงกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เนื่องในการเตรียมการสมรสกับโจทก์รวมเป็นเงิน 2,999,999 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

4 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 742,199 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์ 522,299 บาท พร้อมดอกเบี้ย

5 ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น โดยพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้เงิน 742,199 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ดร.วิเชียร เป็นประธานปิดการอบรมพร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรม หลักสูตร Combat Handgun Level 1

 

 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 น. ที่สนามยิงปืน GT Shooting Centre อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้เดินทางไปเป็นประธานปิดการอบรมพร้อมมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรม หลักสูตร Combat Handgun Level 1 จัดโดยชมรมยิงปืนสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์

โดยมีนายวิทยา สุขสมโสตร และคณะเป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เรื่องอาวุธปืนและฝึกทักษะการใช้อาวุธปืน ซึ่งได้รับเกียรติจากนายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ นายไพบูลย์ แย้มเอม อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ ดร.สมพร หลุงเจริญ ประธานชมรมยิงปืนพร้อมคณะกรรมการชมรมยิงปืนสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมพิธีปิดการอบรมดังกล่าว สำหรับการอบรมครั้งนี้ใช้เวลาอบรมรวม 2 วัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทนายความผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจหลักการและทักษะในการใช้อาวุธที่ถูกต้องในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินตลอดจนให้ความรู้ด้านกฎหมายที่เกี่ยวกับอาวุธปืน

นายกฯปิดการอบรมและมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 (รุ่นที่ 12)

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน 2567 เวลา 16.30 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ :

ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานในพิธีปิดการอบรมและมอบวุฒิบัตรให้แก่ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตร การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 (รุ่นที่ 12)จ โดยมีนางสาวณัฐพิมล สมเจษ กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ผู้ดำเนินรายการ

ฎีกาเด่นรายวัน โดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

3285.ขายที่ดินของผู้เยาว์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 453/2567 ผู้ร้องขอขายที่ดินซึ่งผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้เยาว์ เพื่อการศึกษาแก่ผู้เยาว์ซึ่งเป็นบุตร ผู้ร้องในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมมาร้องขออนุญาตทำนิติกรรมขายที่ดินต่อศาลตาม ป.พ.พ. มาตรา 1574 ก็เพื่อให้ศาลกำกับดูแลให้เหมาะสมเป็นประโยชน์ต่อผู้เยาว์หรือก่อความเสียหายแก่ผู้เยาว์น้อยที่สุด เมื่อได้ความว่าการขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งอนาคตของผู้เยาว์และได้รับราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน จึงเป็นเหตุผลเพียงพอที่ศาลจะอนุญาตให้มีการขายได้โดยเร็วเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ ที่ศาลชั้นต้นอ้างว่าการทำนิติกรรมขายไม่ได้รับความยินยอมจาก จ. มารดาผู้เยาว์ เป็นการวินิจฉัยขัดกับข้อเท็จจริงเนื่องจากที่ จ. ไม่ได้ดูแลผู้เยาว์และไม่อาจติดต่อได้ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษอ้างว่า ไม่มีเรื่องเร่งด่วนหรือเหตุฉุกเฉิน ก็ไม่ได้อยู่ในบริบทที่มาตรา 1574 กำหนดไว้ ส่วนที่อ้างว่ารอให้ผู้เยาว์ทั้งสองเจริญวัยจนบรรลุนิติภาวะตัดสินใจเอง ก็เป็นข้อวินิจฉัยที่ขัดต่อเจตนารมณ์ที่มาตรา 1574 ให้ศาลกำกับดูแลการทำนิติกรรม ไม่ใช่ปล่อยให้ช่วงเวลาที่ยังเป็นผู้เยาว์เสียไปโดยเปล่าประโยชน์

(หมายเหตุ 1 ผู้ร้องและ จ.หย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา โดยผู้ร้องและ จ.เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ทั้งสองร่วมกัน

2 ผู้ร้องถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างร่วมกับผู้เยาว์ทั้งสองกับ ก.บุตรอีกคนหนึ่ง ผู้เยาว์ทั้งสองกับ ก.อยู่กับผู้ร้อง ผู้ร้องให้การอุปการะเลี้ยงดูคนเดียว ส่วน จ.มารดาไม่ทราบว่าไปอยู่ที่ใด ขาดการติดต่อกันตั้งแต่ปี 2558

3 ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องทำนิติกรรมขายที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้างในส่วนของผู้เยาว์ทั้งสองที่ถือกรรมสิทธิ์รวมแทนผู้เยาว์ทั้งสอง

4 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน

5 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ผู้ร้องจะขอขายทรัพย์กรรมสิทธิ์ร่วม มีเหตุผลเพื่อการลงทุนในการศึกษาแก่ผู้เยาว์ทั้งสองให้มีความรู้เพราะการมีวิชาความรู้ย่อมสร้างโอกาสที่จะหาที่ดินที่เสียไปให้กลับมีขึ้นอีกได้ง่าย และดีกว่าการมีที่ดินแต่ไร้วิชาความรู้ อันจะทำให้ต้องสูญเสียที่ดินไปโดยง่ายในอนาคตและไร้ประโยชน์แก่ผู้เยาว์ทั้งสอง

6 และศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษากลับ อนุญาตให้ผู้ร้องขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในส่วนที่ผู้เยาว์ทั้งสองผู้ถือกรรมสิทธิ์รวม)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3284.ปลอมเอกสารผู้มาใช้บริการของคลินิก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 305/2566 (เล่ม 6 หน้า 1) จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ร่วมไม่ใช่ผู้เสียหาย โดยมีรายละเอียดว่า โจทก์ร่วมรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลยมาโดยตลอด ถือว่าโจทก์ร่วมมีส่วนร่วมกระทำความผิดกับจำเลยด้วย ซึ่งการวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยดังกล่าว ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ต้องย้อนไปวินิจฉัยฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ร่วมมีส่วนร่วมกระทำความผิดกับจำเลยตามที่จำเลยอุทธรณ์หรือไม่ อุทธรณ์จำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ข้อกฎหมายที่จำเลยกล่าวอ้าง มิใช่อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพโดยไม่ได้ยกข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้ เพิ่งยกข้อเท็จจริงนั้นในชั้นอุทธรณ์ จึงเป็นการยกข้อเท็จจริงขึ้นใหม่อันไม่ใช่ข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยเพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ชอบแล้ว

การกระทำความผิดในแต่ละวันเกิดเหตุจะเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม ย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะของการกระทำ ที่จำเลยมีเจตนามุ่งกระทำเพื่อให้เกิดผลต่อผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวหรือหลายครั้ง มิได้พิจารณาจากจำนวนของผู้ประกันตน ที่ถูกปลอมเอกสารแต่ละคนเพียงอย่างเดียวเป็นเครื่องชี้เจตนาของจำเลย เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติตามฟ้องว่า วันเกิดเหตุแต่ละวันจำเลยทำเอกสารและเอกสารสิทธิปลอม แล้วจำเลยนำเอกสารที่ทำปลอมดังกล่าวไปใช้แสดงเพื่อฉ้อโกงและพยายามฉ้อโกงโจทก์ร่วม ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยทำเอกสารและเอกสารสิทธิปลอมเพื่อจะนำไปใช้ฉ้อโกงและพยายามฉ้อโกงโจทก์ร่วมอันเป็นการกระทำต่อเนื่องด้วยเจตนาเดียว เพื่อให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อว่า ผู้ประกันตนได้รับบริการทางการแพทย์และคลินิกมีรายได้จากการบริการทางการแพทย์จากบุคคลดังกล่าว การกระทำของจำเลยแต่ละวันเกิดเหตุจึงเป็นความผิดกรรมเดียว

(หมายเหตุ 1 จำเลยดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝึกหัดของโจทก์ร่วมซึ่งเปิดกิจการคลินิกทันตกรรม

2 โจทก์ร่วมกำหนดให้จำเลยบริหารเวลาให้คลินิกมีรายได้ไม่ต่ำกว่าวันละ 6,000 บาท หากรายได้ต่อเดือนของคลินิกต่ำกว่า 1 ล้านบาท จำเลยจะไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น

3 จำเลยปลอมเอกสารว่า มีผู้ประกันตนมาใช้บริการที่คลินิกของโจทก์ร่วม วันแรกจำนวน 5 คน วันที่สองจำนวน 1 คน วันที่สามจำนวน 3 คน และวันที่สี่จำนวน 2 คน รวม 11 คน

4า ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 264 วรรคแรก ,265, 341 ประกอบมาตรา 80 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป มีเหตุบรรเทาโทษคงจำคุกกระทงละ 1 ปี 6 เดือน รวม 11 กระทง เป็นจำคุก 11 ปี 66 เดือน

5 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยกระทงละ 2 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุก 8 ปี ลดโทษแล้วคงจำคุก 4 ปี

6 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3283.แก้ไขบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1300/2566 (เล่ม 5 หน้า 137) ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1119 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “หุ้นทุกๆหุ้นจำต้องใช้เป็นเงินจนเต็มค่า เว้นแต่หุ้นเพิ่งออกตามบทบัญญัติมาตรา 1108 อนุมาตรา (5) หรือมาตรา 1221” วรรคสอง บัญญัติว่า “ในการใช้เงินเป็นค่าหุ้นนั้น ผู้ถือหุ้นจะหักหนี้กับบริษัทหาได้ไม่” มิได้มีบทบัญญัติใดบัญญัติว่า หากมิได้ดำเนินการตามมาตรา 1119 แล้ว จะทำให้การเป็นผู้ถือหุ้นเป็นโมฆะ หรือกลับกลายไม่เป็นผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด ดังนั้น บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวจึงมีผลแต่เพียงว่า ผู้ถือหุ้นดังกล่าวยังไม่ได้ใช้เงินเป็นค่าหุ้นแก่บริษัทเท่านั้น โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นของจำเลยที่ 2 โดยได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของจำเลยที่2 ที่มีชื่อโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นส่งไปยังนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดพิษณุโลก โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องในความผิดต่อ พ.ร.บ. กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 42 และ ป.อ.มาตรา 137

(หมายเหตุ 1 จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด จำเลยที่ 3 และที่ 4 เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ โจทก์มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 2

2 ในปี 2561 โจทก์ตรวจสอบแล้วไม่ปรากฏชื่อโจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 2 แต่ไปปรากฏเป็นชื่อของจำเลยที่ 1

3 วันที่ 12 กันยายน 2562 ก่อนฟ้องคดีนี้ จำเลยที่ 3 และที่ 4 ได้จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้โจทก์เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 2

4 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสี่ตาม ป.อ.มาตรา 137, 264, 265, 266, และ 268 พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำเลย สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 มาตรา 42

5 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำเลย สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ.2499 มาตรา 42 จำคุกจำเลยที่ 3 และที่ 4 คนละ 2 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 1

6 ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 137 ปรับ 9,000 บาท

7 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3282.ไม่ได้แจ้งว่าเคยตรวจสุขภาพ เสียชีวิต บริษัทประกันไม่จ่ายค่าสินไหมทดแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 922/2566 (เล่ม 5 หน้า 103) การที่ ย. รู้ถึงข้อเท็จจริงที่ตนเคยได้รับการตรวจสุขภาพและแพทย์ให้ข้อสังเกตว่าตนเป็นโรคความดันโลหิตสูงมาก่อนแล้ว แต่ไม่เปิดเผยข้อความจริงนั้น ซึ่งหาก ย. เปิดเผยย่อมจูงใจให้จำเลยเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้นหรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาไม่ว่า ย. จะได้รับการรักษาต่อไปตามคำแนะนำของแพทย์หรือไม่ จะเข้าพบแพทย์ด้วยสิทธิประโยชน์ทางใด หรือจะได้รับการจ่ายยาเพื่อรักษา โรคหรือไม่ รวมทั้งแท้จริงแล้ว ย.จะป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องข้อมูลที่จำเลยได้รับขณะทำสัญญาประกันภัยไม่ถูกต้องและเป็นข้อสำคัญที่จำเลยจะปฏิเสธไม่รับประกันภัย หรือหากจะรับประกันภัยก็ต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไปว่า ควรเสี่ยงรับประกันภัย ย.หรือไม่ ทั้งข้อวินิจฉัยของแพทย์ก็เป็นการตั้งข้อสังเกตโดยแพทย์แล้วว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว ไม่ว่า ย. จะถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุใด การที่ ย. ละเว้นไม่เปิดเผยข้อความดังกล่าว สัญญาประกันชีวิตตามฟ้องย่อมตกเป็นโมฆียะ เมื่อจำเลยบอกล้างภายในกำหนดเวลาตามกฎหมายแล้วให้ถือว่าเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก จำเลยจึงไม่จำต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์

(หมายเหตุ 1 ตามใบคำขอเอาประกันชีวิตมีข้อความว่า ท่านเคยได้รับการวินิจฉัยหรือรับการรักษา หรือตั้งข้อสังเกตโดยแพทย์ว่าป่วยเป็นโรคตามรายการท้ายคำถามนี้หรือไม่ ซึ่งมีโรคความดันโลหิตสูงอยู่ด้วย

2 ย.ถึงแก่ความตายด้วยสาเหตุกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โจทก์จึงมีหนังสือเรียกให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์

3 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย

4 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

5 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ดร.วิเชียรเป็นประธานพิธีฌาปนกิจศพ ทนายอาสาจังหวัดนนทบุรี

เมื่อวันอังคารที่ 4 มิถุนายน 2567 เวลา 17.00 น. ที่วัดสุนทรธรรมทาน (วัดแคนางเลิ้ง) แขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยนายศิริศักดิ์ อมาตยกุล ประธานสภาทนายความจังหวัดนนทบุรี ได้เดินทางไปร่วมพิธีฌาปนกิจศพ ทนายชัยรบ อนันตวิริยพันธ์ ทนายอาสาจังหวัดนนทบุรี โดยมีเพื่อนร่วมอาชีพทนายความตลอดจนเพื่อนฝูงร่วมงานศพจำนวนนมาก

ทั้งนี้ ดร.วิเชียร จึงได้ขอให้ดวงวิญญาณของทนายชัยรบ อนันตวิริยพันธ์ จงสู่สุคติในสัมปรายภพตราบนิรันดร์

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3281.ฟ้องโดยใช้ใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 440/2566 (เล่ม 5 หน้า 60) แม้โจทก์ไม่สามารถนำพยานหลักฐานเกี่ยวกับการสมัครบัตรเครดิตมาแสดงต่อศาล คงมีเพียงรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหาย โดยไม่ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับการสูญหายของเอกสารดังกล่าวก็ตาม แต่คดีนี้จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นให้โจทก์ส่งเอกสารแทนการสืบพยาน ซึ่งตามใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิต/ใบเสร็จที่โจทก์นำส่งปรากฏรายการใช้จ่ายยอดชำระเงินและจำนวนหนี้คงเหลือในระหว่างเดือนธันวาคม 2556 ถึงเดือนตุลาคม 2562 เวลาต่อเนื่องกันทุกเดือนเกือบ 6 ปี ลักษณะเป็นข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บ รักษา และประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามนิยามศัพท์ ในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 จำเลยย่อมไม่อาจปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความดังกล่าว ดังที่บัญญัติใดมาตรา 7 ได้ มูลหนี้ตามคำฟ้องโจทก์จึงมีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมาย จำเลยจึงต้องรับผิดในหนี้ บัตรเครดิตต่อโจทก์

(หมายเหตุ 1 คดีนี้ โจทก์รับโอนหนี้มาจากบริษัท อ. โดยมีเพียงรายงานประจำวันรับแจ้งเอกสารหายซึ่งไม่ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับการสูญหายของเอกสารดังกล่าว

2 ในชั้นพิจารณาโจทก์ส่งเพียงใบแจ้งบัญชีบัตรเครดิต/ใบเสร็จ ต่อศาล ซึ่งปรากฏรายการใช้จ่ายยอดชำระเงินและจำนวนหนี้คงเหลือระหว่างเดือนธันวาคม 2556 ถึงเดือนตุลาคม 2562

3 โจทก์มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิ บอกเลิกสัญญาและบอกกล่าวทวงถาม

4 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่มีมูลและพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

5 ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้จำเลยชำระชำระเงินตามฟ้องพร้อมดอกเบี้ย)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

 

📍เมื่อวันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน 2567 เวลา 15.00 – 16.30 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยาย หลักสูตรการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามพระราชบัญญัติการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท พ.ศ. 2562 (รุ่นที่ 12) หัวข้อเรื่อง “ศิลปะในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท”

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร.อภิญญา ดิสสะมาน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า เป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อเรื่อง “ทักษะที่จำเป็นและเทคนิคในการเจรจาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท” และ “ปัจจัยแห่งความสำเร็จ ข้อท้าทาย และอุปสรรคในการเจรจาไกล่เกลี่ย”