ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3357.สร้างโรงเรือนในที่ดินของบุคคลอื่นโดยสุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4954/2566 เมื่อจำเลยมิได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีในประเด็นเรื่องการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทโดยสุจริต และศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวไว้ ทั้งการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312 วรรคหนึ่ง จะต้องได้ความว่าเจ้าของโรงเรือนปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินของตนเองแต่มีบางส่วนของโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น ส่วนที่รุกล้ำต้องเป็นส่วนน้อยและส่วนที่อยู่ในที่ดินของตนนั้นต้องเป็นส่วนใหญ่ มิฉะนั้นจะเรียกว่าสร้างโรงเรือนรุกล้ำมิได้ ซึ่งข้อเท็จจริงคดีนี้เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าไปปลูกสร้างโรงเรือนต่าง ๆ ในที่ดินโฉนดเลขที่ 4478 โดยอาศัยสิทธิของ บ. ทั้งหมด และไม่มีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของจำเลยเลย กรณีจึงไม่อาจปรับด้วย ป.พ.พ. มาตรา 1312 ได้ ดังนั้นการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่หยิบยกประเด็นเรื่องความสุจริตตามบทมาตราดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน

(หมายเหตุ 1 ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยเป็นบุตรของ บ.

2 ก่อนปี 2536 บ. ได้อนุญาตให้จำเลยเข้าไปครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 4478 ภายในกรอบสีเขียว เนื้อที่ 1 งาน 83 ตารางวา

3 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2536 บ. ได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกที่ดินโฉนดเลขที่ 4478 ให้แก่บุตร 9 คน ไม่รวมจำเลย โดยมีข้อความในพินัยกรรมระบุไว้ตอนหนึ่งมีใจความว่า ถ้า บ. ถึงแก่ความตายให้จำเลยซึ่งปลูกสร้างบ้านพักคนงาน ทางเดิน เสาไฟฟ้า โรงเรือนเก็บของ โรงรถ และสถานที่ทำงานในที่ดินพิพาทรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้เรียบร้อย เพื่อให้ผู้ได้รับส่วนแบ่งตามพินัยกรรมได้ทำประโยชน์ต่อไป

4 วันที่ 5 มกราคม 2561 บ. ถึงแก่ความตาย โจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของ บ. ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น 5 วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 โจทก์ทั้งสองรับโอนมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 4478 มาเป็นชื่อของโจทก์ทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของ บ.

6 จำเลยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ บ. และระหว่างที่ บ. มีชีวิตอยู่จำเลยไม่เคยบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยัง บ. ว่าไม่เจตนายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทแทน บ.

7 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 4478 ภายในกรอบสีเขียว เนื้อที่ 1 งาน 83 ตารางวา พร้อมส่งมอบที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์ทั้งสองในสภาพเรียบร้อย ฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก

8 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่า จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทโดยได้รับความยินยอมจาก บ. เจ้าของที่ดิน เป็นการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312 วรรคหนึ่งพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมตามฟ้องและฟ้องแย้งทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

9 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

⚽️ฟุตบอลทนายความ⚽️  🏆รายการ Thai Lawyers League ครั้งที่ 4 🏆

เมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. ที่สนามฟุตบอลวิชุปา รามอินทรา กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้มอบหมายให้ นายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหารสภาทนายความ เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันและมอบถ้วยรางวัลพร้อมเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท ในการแข่งขันฟุตบอล รายการ Thai Lawyers League ครั้งที่ 4 ซึ่งมีทีมทนายความต่างๆ ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 13 ทีม รวม 550 คน ประกอบด้วย

1. ทีม LAWYER ALL STARS

2. ทีมทนายความกรุงเทพ BKK LAWYER

3. ทีมทนายความจังหวัดมีนบุรี

4. ทีมสโมสรฟุตบอลทนายความจังหวัดมีนบุรี

5. ทีมทนายความมหานคร

6. ทีมชมรมทนายความอาสา

7. ทีมสโมสรทนายความจังหวัดชลบุรี

8. ทีมสภาทนายความ

9. ทีมชมรมทนายความรัชดา

10. ทีมสมาคมนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง

11. ทีมชมรมทนายความภาคอีสาน

12. ทีมชมรมทนายความคลองสามวา

13. ทีมสโมสรฟุตบอลทนายความพัทยา ซิตี้

🏆ผลการแข่งขัน ดังนี้🏆

1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม LAWYERS ALL STARS

2. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 : ทีม ทนายความกรุงเทพ BKK LAWYER

3. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 : ทีมทนายความจังหวัดมีนบุรี

4. รางวัลทีมมารยาทยอดเยี่ยม : ทีมสโมสรฟุตบอลทนายความมีนบุรี

5. รางวัลนักดาวซัลโว : นายภูดิศ เศวตเมธดล ทีม LAWYER ALL STARS

6. รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม : นายชัยวัฒน์ พนมรัตน์ ทีม LAWYER ALL STARS

7. รางวัลอาวุโสยอดเยี่ยม : นายอภิบาล โอสถานนท์ ทีม ทนายความกรุงเทพ BKK LAWYER

ซึ่งแต่ละทีมล้วนพัฒนาฝีเท้าได้มาตราฐานดีมาก ส่วนผลการแข่งขันเน้น “มิตรภาพอยู่เหนือชัยชนะ”

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3356.บันทึกข้อตกลงแบ่งทางพิพาทเป็นทางสาธารณะประโยชน์ ไม่ทำให้ทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมโดยอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5163/2566 ผ. และ ม. เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 1625 ได้ยกทางพิพาทให้ทายาทซึ่งเป็นบุตรทั้งแปดคนใช้เข้าออกสู่ทางสาธารณะตั้งแต่ก่อนปี 2534 กับทั้งแบ่งที่ดินให้ทายาทครอบครองและสร้างบ้านพักอาศัย เมื่อ ผ. และ ม. ถึงแก่ความตาย ทายาทก็ได้รับโอนมรดกที่ดินมาครอบครองเป็นของตน โดยยังคงใช้ทางพิพาทในการเข้าออกที่ดินตลอดมา ต่อมาทายาทแบ่งแยกที่ดินออกเป็นโฉนดรวม 9 แปลง โดยมีการรังวัดทางพิพาทซึ่งเป็นทางเข้าออกเดิมไว้ชัดเจน ทายาททั้งแปดซึ่งรวมถึงโจทก์ จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ที่ 4 ก็ลงลายมือชื่อในบันทึกถ้อยคำกรณีประสงค์ขอรังวัดแบ่งแยกในนามเดิม หลังจากนั้นทายาทตกลงแบ่งแยกโฉนดจากเดิมที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันออกเป็นกรรมสิทธิ์ของแต่ละคน โดยทางพิพาทอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 38416 ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1 ได้ที่ดินมาก็ได้โอนให้แก่จำเลยที่ 2 แล้วจำเลยที่ 2 ขอรังวัดสอบเขต และขอแบ่งทางพิพาทให้เป็นทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งทายาทเจ้าของที่ดินข้างเคียงก็ไม่ได้ปฏิเสธไม่รับรู้ว่าไม่มีทางพิพาท มีเพียงจำเลยที่ 4 ที่โต้แย้งเฉพาะเรื่องแนวเขตทางพิพาทเท่านั้น ทำให้จำเลยที่ 2 ต้องขอให้รอการรังวัดแบ่งหักที่ดินเป็นทางสาธารณประโยชน์ไว้ก่อน การที่เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมใช้ทางพิพาทในที่ดินของตน จึงไม่ได้เป็นการใช้ในลักษณะทางภาระจำยอม การใช้ทางพิพาทของทายาทอื่นในลักษณะภาระจำยอมโดยอายุความจึงเริ่มนับแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2561 ที่มีการแบ่งแยกที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 2 ปีเศษ นับถึงวันฟ้อง ทางพิพาทจึงไม่ได้ตกเป็นภาระจำยอมโดยอายุความ

อย่างไรก็ตาม เมื่อทางพิพาทเป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะเพื่อประโยชน์สำหรับทายาทที่ครอบครองที่ดินที่ ผ. และ ม. ยกไว้ให้ก่อนที่ทายาทจะได้รับโอนมรดกมาเป็นของตน จนกระทั่งมีการแบ่งแยกโฉนดที่ดินออกเป็น 9 แปลง ก็ได้มีการแบ่งแนวเขตทางพิพาทไว้ชัดเจน การที่ทายาทตกลงแบ่งแยกโฉนดที่ดินระหว่างกันโดยมีการระบุทางพิพาทมาตั้งแต่ต้นย่อมถือได้ว่าเป็นข้อตกลงก่อตั้งภาระจำยอมทางพิพาทเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินอื่นตามที่มีการแบ่งแยกไว้ ทางพิพาทจึงเป็นภาระจำยอม จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินและทางพิพาทต่อมาจากจำเลยที่ 2 ซึ่งรับโอนมาจากจำเลยที่ 1 อีกทอดหนึ่ง จึงมีภาระที่จะต้องดำเนินการเกี่ยวกับทางพิพาทดังกล่าวให้เป็นไปตามข้อตกลงนั้น

(หมายเหตุ 1 เดิมทางพิพาทจะอยู่ในที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์รวมของทายาททุกคนมาตั้งแต่ที่ได้รับโอนมรดกมาจาก ผ.และ ม.

2 ต่อมาได้มีการออกโฉนดที่ดินโดยแบ่งแยกออกเป็น 9 แปลง ซึ่งทายาททุกคนก็ต่างมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันทั้ง 9 แปลง การที่เจ้าของกรรมสิทธิ์รวมใช้ทางพิพาทในที่ดินของตนดังกล่าว จึงไม่ได้เป็นการใช้ในลักษณะของทางภาระจำยอม

3 ปี 2561 ได้มีการแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ทายาทแต่ละคน โดยทางพิพาทอยู่ในที่ดินของจำเลยที่ 1 การใช้ทางพิพาทของทายาทอื่นในลักษณะภาระจำยอมโดยอายุความจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2561 ที่มีการแบ่งแยกที่ดินให้แก่จำเลยที่ 1 ในวันดังกล่าว นับถึงวันฟ้องมีระยะเวลาเพียง 2 ปีเศษ ทางพิพาทจึงไม่ได้ตกเป็นทางภาระจำยอมโดยอายุความ

4 โดยศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การขอหักแบ่งทางพิพาทดังกล่าวออกจากที่ดินของจำเลยที่ 2 ย่อมแสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงเจตนาดั่งเดิมที่จะให้ทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของผู้อื่น ไม่ว่าจะให้เป็นทางสาธารณประโยชน์หรือทางภาระจำยอมก็ตาม มิได้ทำให้ข้อตกลงก่อตั้งภาระจำยอมระหว่างทายาทเรื่องทางพิพาทเปลี่ยนแปลงไป เมื่อทางพิพาทดังกล่าวได้มีข้อตกลงของทายาทที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันให้มีการแบ่งแยกที่ดินออกเป็นทางภาระจำยอมแล้ว ทางพิพาทจึงเป็นภาระจำยอม

5 คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

6 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาให้จำเลยที่ 3 จดทะเบียนทางพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 38416 อันเป็นภารยทรัพย์ให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 38415 ถึง 38423 ซึ่งรวมถึงที่ดินโฉนดเลขที่ 38416 ด้วย

7 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 3 จดทะเบียนทางพิพาทในที่ดินโฉนดเลขที่ 38416 ตามรูปแผนที่ที่แบ่งแยกซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินได้จำลองไว้เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 เป็นภาระจำยอมให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 38415 และ 38417 ถึง 38423)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

วิชาการสัญจร จังหวัดน่าน เพื่อทนายความและเผยแพร่ความรู้ด้านกฎหมายแก่ประชาชน

⚖️เมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลา 13.00 – 16.30 น. ที่ หอประชุม 1 ชั้น 2 เทศบาลเมืองน่าน จังหวัดน่าน : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานเปิดการอบรมวิชาการสัญจร จังหวัดน่าน เรื่อง “การดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ“ (ภาคปฏิบัติ)

โดยมี นายชาญณรงค์ สุทธิไส ประธานสภาทนายความจังหวัดน่าน กล่าวต้อนรับ นายพรศักดิ์ สังข์สังวาลย์ กรรมการบริหารสภาทนายความภาค 5 กล่าวรายงาน นายสมาน วังแสง รองประธานสภาทนายความจังหวัดน่าน เป็นผู้ดำเนินรายการ ยังได้รับเกียรติจาก นายอุเทน สุขทั่วญาติ ประธานสภาทนายความจังหวัดแพร่

นอกจากนี้ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ และนายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ รองเลขาธิการสภาทนายความ ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยาย หัวข้อ “การดำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ”(ภาคปฏิบัติ)ซึ่งมีทนายความจังหวัดน่าน และทนายความภาค 5 ลงทะเบียนเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

⚖️ สถาบันพัฒนาวิชาชีพทนายความ เปิดการอบรม หลักสูตรผู้ช่วยงานบังคับคดี รุ่นที่ 2 

เมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลา 9.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ : สถาบันพัฒนาวิชาชีพทนายความ จัดอบรม หลักสูตรผู้ช่วยงานบังคับคดี รุ่นที่ 2 โดย ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ มอบหมายให้ ดร.วิรัลพัชร เวธทาวริทธิ์ธร อุปนายกฝ่ายวิชาการ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม โดยมีนางสาวอัจฉรา แสงขาว กรรมการและเลขานุการฝ่ายวิชาการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดอบรม พร้อมด้วยนายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร และกรรมการฝ่ายวิชาการ ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการอบรมดังกล่าว มีนายสยุม ไกรทัศน์ กรรมการฝ่ายวิชาการ เป็นผู้ดำเนินรายการ

โดยในวันนี้นางสาวจาริณีย์ พรหมพลจร เจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี และนายนฤนาต แม้นเหมือน กรรมการโครงการทนายความพี่เลี้ยง เป็นวิทยากรบรรยาย หัวข้อ การบังคับคดีแพ่ง,การยึดทรัพย์สิน,การอายัดทรัพย์สิน,การขายทอดตลาด,การถอนการบังคับคดี,การเพิกถอนการบังคับคดีและการร้องขัดทรัพย์

ฟุตบอลทนายความรายการ Thai Lawyers League ครั้งที่ 4 🏆

 

เมื่อวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม 2567 เวลา 17.00 น. ที่สนามฟุตบอลวิชุปา รามอินทรา กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้มอบหมายให้ นายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหารสภาทนายความ เป็นประธานในพิธีปิดการแข่งขันและมอบถ้วยรางวัลพร้อมเงินรางวัลกว่า 100,000 บาท ในการแข่งขันฟุตบอล รายการ Thai Lawyers League ครั้งที่ 4 ซึ่งมีทีมทนายความต่างๆ ส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 13 ทีม รวม 550 คน ประกอบด้วย

1. ทีม LAWYER ALL STARS

2. ทีมทนายความกรุงเทพ BKK LAWYER

3. ทีมทนายความจังหวัดมีนบุรี

4. ทีมสโมสรฟุตบอลทนายความจังหวัดมีนบุรี

5. ทีมทนายความมหานคร

6. ทีมชมรมทนายความอาสา

7. ทีมสโมสรทนายความจังหวัดชลบุรี

8. ทีมสภาทนายความ

9. ทีมชมรมทนายความรัชดา

10. ทีมสมาคมนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยรามคำแหง

11. ทีมชมรมทนายความภาคอีสาน

12. ทีมชมรมทนายความคลองสามวา

13. ทีมสโมสรฟุตบอลทนายความพัทยา ซิตี้

🏆ผลการแข่งขัน ดังนี้🏆

1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม LAWYERS ALL STARS

2. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 : ทีม ทนายความกรุงเทพ BKK LAWYER

3. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 : ทีมทนายความจังหวัดมีนบุรี

4. รางวัลทีมมารยาทยอดเยี่ยม : ทีมสโมสรฟุตบอลทนายความมีนบุรี

5. รางวัลนักดาวซัลโว : นายภูดิศ เศวตเมธดล ทีม LAWYER ALL STARS

6. รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยม : นายชัยวัฒน์ พนมรัตน์ ทีม LAWYER ALL STARS

7. รางวัลอาวุโสยอดเยี่ยม : นายอภิบาล โอสถานนท์ ทีม ทนายความกรุงเทพ BKK LAWYER

ซึ่งแต่ละทีมล้วนพัฒนาฝีเท้าได้มาตราฐานดีมาก ส่วนผลการแข่งขันเน้น “มิตรภาพอยู่เหนือชัยชนะ”

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3355.อายุความเรียกค่าทดแทนจากการใช้ทางจำเป็น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 313/2567 การเรียกร้องค่าทดแทนเป็นสิทธิของเจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่เพื่อชดเชยความเสียหายอันที่เกิดแต่เหตุที่มีทางผ่านนั้น ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1349 วรรคสี่ โจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกค่าทดแทนการใช้ที่ดินจากจำเลยเป็นคดีต่างหากได้ หากศาลในคดีก่อนวินิจฉัยชี้ขาดให้จำเลยได้สิทธิทางจำเป็นบนที่ดินของโจทก์ทั้งสาม โดยโจทก์ทั้งสามไม่จำต้องฟ้องแย้งเรียกค่าทดแทนมาในคำให้การ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามทางนำสืบของคู่ความว่า มีการบังคับคดีเปิดทางจำเป็นตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2555 โจทก์ทั้งสามจึงชอบที่จะใช้สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนการใช้ทางจำเป็นบนที่ดินของโจทก์ทั้งสามนับตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2555 อายุความสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนของโจทก์ทั้งสามจึงเริ่มนับแต่วันดังกล่าว เมื่อ ป.พ.พ. หรือกฎหมายอื่นมิได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะในเรื่องอายุความใช้ค่าทดแทนในการเปิดทางจำเป็นไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/30 เมื่อนับระยะเวลานับแต่วันที่มีการเปิดใช้ทางจำเป็นจนถึงวันที่โจทก์ทั้งสามฟ้องเรียกค่าทดแทนในคดีนี้เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 ยังไม่พ้นกำหนด 10 ปี สิทธิเรียกค่าทดแทนของโจทก์ทั้งสามจึงยังไม่ขาดอายุความ

(หมายเหตุ 1 การใช้ทางจำเป็น เป็นสิทธิที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายก็ตามแต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นเพียงข้อจำกัดสิทธิของเจ้าของที่ดินแปลงที่ล้อมที่ดินของผู้อื่นจนไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ต้องยอมให้เจ้าของที่ดินแปลงที่ถูกล้อมใช้ทางผ่านที่ดินของตนเพื่อออกไปสู่ทางสาธารณะได้เท่านั้น ไม่ใช่บทบัญญัติที่เป็นการให้สิทธิเจ้าของที่ดินที่ถูกล้อมที่จะเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นหรือกระทำการใดๆในที่ดินของผู้อื่นได้โดยพลการ

2 ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1349 วรรคสี่ ผู้มีสิทธิผ่านทางจำเป็นต้องใช้ค่าทดแทนให้แก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมเพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดจากการขอเปิดทางผ่าน แต่ไม่ได้กำหนดว่าต้องใช้ค่าทดแทนก่อนจึงใช้ทางจำเป็นได้ ดังนั้น การฟ้องขอให้เปิดทางจำเป็นจึงไม่จำต้องเสนอชดใช้ค่าทดแทนที่ดินแต่เป็นหน้าที่ของเจ้าของที่ดินที่ถูกฟ้องให้เปิดทางจำเป็นที่จะต้องเรียกร้องค่าทดแทนที่ดินขึ้นมาเอง

3 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยพิพากษายกฟ้องโจทก์

4 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษาแก้เป็นว่า ใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์ทั้งสาม)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

เชิญรับฟังการบรรยาย กฎหมายทางการแพทย์ และการเรียนรู้ปัญหาจากทางปฏิบัติและจากคดีทางการแพทย์ จะช่วยให้สามารถดำเนินคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ”( ฟรี )

📢ประกาศสถาบันพัฒนาวิชาชีพทนายความ สภาทนายความ📢

⚖️ เชิญร่วมรับฟังการเสวนา 【 ฟรี 】🚩

🔻 หัวข้อ 🔻👉 “ การมีองค์ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายทางการแพทย์ และการเรียนรู้ปัญหาจากทางปฏิบัติและจากคดีทางการแพทย์ จะช่วยให้สามารถดำเนินคดีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ”

— เชิญพบกับ —🔶 ดร.วิเชียร ชุบไธสง

นายกสภาทนายความ🔶 ดร.วิรัลพัชร เวธทาวริทธิ์ธรอุปนายกฝ่ายวิชาการ สภาทนายความ 🔶 ดร.นายแพทย์ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย

อาจารย์ประจำสาขากฎหมายการแพทย์ คณะนิติศาสตร์ปรีดีพนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

— ดำเนินรายการโดย —🔹 นายชาย นิ่มละมัย  นักกฎหมายการแพทย์

🗓️ วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 ⏰ เวลา 10.00 – 12.00 น.📍 ณ ห้องประชุม ชั้น 5 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์

🔖 การลงทะเบียนมี 2 ช่องทาง 🔖

——————-

🪑 On site

Link ลงทะเบียน https://forms.gle/XDuQugLoyds6SwHe7

——————-

🌎 On line

Link ลงทะเบียน https://forms.gle/ArXdHNiFUBGonEts6

☎️ ติดต่อสอบถาม คุณพิมพ์ฉวี คุณจิดาภา โทร. 06 4291 4640

 

นายกสภาทนายความร่วมกับพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม และผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 28 ร่วมภิปราย หัวข้อ “กระบวนการยุติธรรมเพื่อความเท่าเทียม”

เมื่อวันศุกร์ ที่ 16 สิงหาคม 2567 ณ ห้อง MR 210 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์กรุงเทพมหานคร สถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม และผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 28 ได้จัดให้มีอภิปราย ในหัวข้อ“กระบวนการยุติธรรมเพื่อความเท่าเทียม”

โดยมี ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ และนายธานี สิงหนาท เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมอภิปราย และนางสุนาฏ หาญเพียรพงศ์ วงศ์ยืน ผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกาช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ประจำสำนักประธานศาลฎีกา เป็นผู้ดำเนินรายการ

 สำหรับการจัดอบรมหลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง รุ่นที่ 28 ได้จัดอบรมขึ้นระหว่างเดือนตุลาคม 2566 ถึง เดือนสิงหาคม 2567 โดยหลักสูตรดังกล่าวกำหนดให้ผู้เข้ารับการอบรมดำเนินการจัดสัมมนาสาธารณะและนำเสนอแผนยุทธศาสตร์กระบวนการยุติธรรม

สภาทนายความฯแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม รวมถึงเรื่องการพิจารณาออกกฎหมายร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย กับองค์การสหประชาชาติ (UNIDO )

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. ที่ ที่องค์การสหประชาชาติ (UNIDO) กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายทนายความ และนายอุทัย ไสยสาลี หัวหน้าสำนักงานสภาทนายความ ได้รับเชิญจากนายฟูกุยะ อิโนะ ( Mr. Fukuya IINO ผู้จัดการ UNITED NATIONS INDUSTRAIL DEVELOPMENT ORGANIZATION (UNIDO) ประจำประเทศไทย และนายนิวัตร ศิลปะพิทยาคม รองผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์ สถาบันไฟฟ้า กระทรวงอุตสาหกรรม และนายลทธพล จารุวัฒนวงศ์ ทนายความ นางสาวนวลลออ บุญกิจ ทนายความ เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไทย รวมถึงเรื่องการพิจารณาออกกฎหมายร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลสิ่งแวดล้อมและวิธีพิจารณาคดีสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย และสภาพบังคับทางกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดตั้งกองทุนเยียวยาและฟื้นฟูสภาพสิ่งแวดล้อม โดยการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการและมาตรการในเชิงป้องกัน และความโปร่งใสในการประกอบการภาคอุตสาหกรรม

นอกจากนี้ยังมีการหารือถึงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และ UNIDO ในด้านวิชาการเกี่ยวกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมให้กับสมาชิกสภาทนายความ การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน การถ่ายทอดนวัตกรรมทางกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและสังคมต่อไป