ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3383.คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2567 แม้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 170 บัญญัติว่า คำสั่งของศาลที่ให้คดีมีมูลย่อมเด็ดขาด ซึ่งหมายถึงคู่ความไม่อาจอุทธรณ์ฎีกาโต้แย้งคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้มีมูลได้ แต่เมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำของจำเลยตามทางไต่สวนมูลฟ้องไม่เป็นความผิดแล้ว ศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิพากษายกฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ได้

คดีนี้ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้องเฉพาะข้อหารับของโจร เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์โจทก์ในส่วนความผิดข้อหาลักทรัพย์กับข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ตายและจำเลยร่วมกันลักโฉนดที่ดินทั้งสี่แปลง และรับฟังไม่ได้ว่ามีการลักสมุดเช็คตามฟ้องเกิดขึ้น ซึ่งโจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยร่วมหรือสนับสนุนผู้ตายลักทรัพย์ในวัตถุแห่งการกระทำเดียวกัน ศาลอุทธรณ์จึงมีอำนาจวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายในส่วนความผิดข้อหารับของโจรว่าที่จำเลยครอบครองโฉนดที่ดินและสมุดเช็คดังกล่าวต่อมาย่อมไม่เป็นความผิด เพราะความผิดฐานข้อหาของโจรตามฟ้องต้องเกิดขึ้นภายหลังการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยที่ศาลอุทธรณ์ชอบที่ยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ไม่เป็นการขัดต่อมาตรา 170 และไม่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นดังที่โจทก์อุทธรณ์ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมาย

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

นายกสภาทนายความฯ และทีมงานร่วมแสดงความยินดีกับ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ที่กลับมานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมัยที่สอง

เมื่อวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 เวลา 8.00 น. ที่กระทรวงยุติธรรม : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้เดินไปร่วมแสดงความยินดี เนื่องในโอกาสที่ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงยุติธรรม อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

อนึ่ง ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้พบนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ และนางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เพื่อพูดคุยหารือการอำนวยความสะดวกให้ทนายความเข้าพบผู้ต้องขังเพื่อสอบข้อเท็จจริง รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้ผู้ต้องขังลงลายมือชื่อในใบแต่งตั้งทนายความ ซึ่งท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ รับทราบและจะดำเนินการออกหนังสือเวียนเพื่อให้เรือนจำทั่วประเทศใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ ในการอำนวยความสะดวกแก่ทนายความ

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3382.บทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2566 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 160 ตรี/2 วรรคหนึ่ง เป็นเพียงเหตุที่ทำให้ผู้กระทำความผิดตามที่ระบุไว้ในมาตรา 160 ตรี วรรคหนึ่ง ได้รับโทษหนักขึ้นที่เรียกว่าบทฉกรรจ์เท่านั้น ไม่ใช่บทบัญญัติเรื่องการเพิ่มโทษ และศาลอุทธรณ์ภาค 6 วางโทษแก่จำเลยใหม่ตามที่โจทก์อุทธรณ์โดยพิจารณาถึงบทบัญญัติของมาตรา 160 ตรี/2 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ประกอบด้วยอยู่แล้ว ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 ไม่ได้ระบุให้เพิ่มโทษหนึ่งในสามก่อนลดโทษมานั้น จึงชอบแล้ว

(หมายเหตุ 1 คดีนี้โจทก์ฎีกาในทำนองว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 (2), 160 ตรี วรรคหนึ่ง และ 160 ตรี/2 วรรคหนึ่ง จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท โดยไม่ได้ระบุให้เพิ่มโทษอีกหนึ่งในสามก่อนลดโทษนั้นเป็นการไม่ชอบ

2 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

นายกสภาทนายความขึ้นเหนือช่วยเหลือทนายความผู้ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม

เราไม่ทิ้งกัน..ไม่มีใครรักเราเท่าเรารักกัน

เมื่อวันพุธที่ 11ไม่มีใครรักเราเท่าเรารักกัน กันยายน 2567 เวลา 18.00 น. ที่สำนักงานสภาทนายความจังหวัดเทิง อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ และนายไพบูลย์ แย้มเอม อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ สภาทนายความ ได้เดินทางไปให้กำลังใจพร้อมมอบเงินช่วยเหลือเยียวยาให้แก่ครอบครัวทนายความที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยมี นายบัณดิษฐ์ ปุระตา ประธานสภาทนายความจังหวัดเทิง และคณะกรรมการสภาทนายความจังหวัดเทิง ให้การต้อนรับ

ต่อมาในเวลา 20.00 น. ของวันดังกล่าว ได้เดินทางไปให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวทนายความซึ่งประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดพะเยา โดยมี นายตรีเรก ศรีวิชัย ประธานสภาทนายความจังหวัดพะเยา ว่าที่ร้อยตรี กิตติพล อินนา ประธานสภาทนายความจังหวัดเชียงคำ และคณะกรรมการพร้อมทนายความจังหวัดพะเยา ให้การต้อนรับ

หลังจากนั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน 2567 เวลา 11.00 น. ได้เดินทางไปให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวทนายความจังหวัดแพร่ ที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยมี นายอุเทน สุขทั่วญาติ ประธานสภาทนายความจังหวัดแพร่ และคณะกรรมการสภาทนายความจังหวัดแพร่ ให้การต้อนรับ

หลังจากนั้น เวลา 15.00 น. ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ และนายไพบูลย์ แย้มเอม อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ สภาทนายความ ได้เดินทางไปให้กำลังใจและมอบเงินช่วยเหลือครอบครัวทนายความที่ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดน่าน โดยมี นายชาญณรงค์ สุทธิไส ประธานสภาทนายความจังหวัดน่าน และคณะกรรมการสภาทนายความจังหวัดน่าน ให้การต้อนรับ รวมทนายความที่ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาในครั้งนี้จำนวนรวม 32 ครอบครัว

 

#ไม่มีใครรักเราเท่าเรารักกัน

 

 

 

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3381.เบิกความชั้นสืบพยานก่อนฟ้อง ขัดแย้งกับคำเบิกความในชั้นศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5172/2566 การที่ผู้เสียหายทั้งหกมาเบิกความภายหลังแม้จะขัดแย้งกับคำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความชั้นสืบพยานก่อนฟ้อง แต่ก็เป็นการเบิกความเพื่อพิสูจน์ความจริงให้กระจ่างชัดว่ามีเหตุผลอย่างไรทำไมถึงให้การชั้นสอบสวนและเบิกความต่อศาลชั้นต้นฝ่าฝืนต่อความเป็นจริงไว้เช่นนั้น หาใช่เป็นการเบิกความเพื่อช่วยเหลือจำเลยดังที่โจทก์ฎีกาไม่ แม้คดีอยู่ระหว่างสืบพยานจำเลย ซึ่งโดยพลการหรือคู่ความฝ่ายใดร้องขอ ศาลมีอำนาจสืบพยานเพิ่มเติมจะสืบเองหรือส่งประเด็นก็ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 228 และตาม ป.วิ.พ. มาตรา 120 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ถ้าคู่ความฝ่ายใดอ้างว่าคำเบิกความของพยานคนใดที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งอ้างไม่ควรรับฟัง โดยเหตุผลซึ่งศาลเห็นว่ามีมูล ศาลอาจยอมให้คู่ความฝ่ายนั้นนำพยานหลักฐานมาสืบสนับสนุนข้ออ้างของตนได้แล้วแต่จะเห็นควร คดีนี้จำเลยนำสืบปฏิเสธฟ้องโจทก์ว่า ผู้เสียหายทั้งหกและเด็กหญิง อ. ให้การชั้นสอบสวนและเบิกความชั้นสืบพยานก่อนฟ้องไปโดยถูกควบคุมตัว ข่มขู่ ไม่ให้กลับบ้านและพบบิดามารดา คำให้การชั้นสอบสวนและคำเบิกความดังกล่าวไม่ควรรับฟัง เมื่อทนายจำเลยแถลงขอสืบพยานผู้เสียหายทั้งหก หากศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่สามารถพิสูจน์ความจริงได้และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยนำผู้เสียหายทั้งหกเข้าเบิกความตามมาตราดังกล่าวข้างต้น และมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาได้ หาจำต้องให้จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลก่อนดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฎีกาแต่อย่างใดไม่

(หมายเหตุ 1 คดีนี้ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานกระทำอนาจารผู้เสียหายทั้งหกคน

2 ข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากบุคคลไม่ทราบชื่อมิใช่ผู้เสียหายทั้งหกหรือบิดามารดาของผู้เสียหายทั้งหก โดยผู้เสียหายทั้งหกไม่เคยเล่าเรื่องราวที่ถูกจำเลยกระทำอนาจารให้บิดามารดาหรือบุคคลอื่นล่วงรู้

3 แพทย์ตรวจร่างกายผู้เสียหายทั้งหกไม่พบบาดแผลที่ทวารหนักและอวัยวะเพศ ไม่พบตัวอสุจิและส่วนประกอบของน้ำอสุจิที่ปากทวารหนัก ทั้งไม่พบหลักฐานการกระทำชำเราผู้เสียหายทั้งหก

4 ผู้เสียหายทั้งหกถูกควบคุมตัวที่สถานีตำรวจภูธร 14 วัน เหตุที่ผู้เสียหายทั้งหกให้การต่อพนักงานสอบสวนและเบิกความชั้นสืบพยานก่อนฟ้องว่าถูกจำเลยกระทำอนาจาร เนื่องจากผู้เสียหายทั้งหกถูกข่มขู่ว่าหากไม่ให้การและเบิกความเช่นนั้นจะติดคุก ถูกทำร้าย กักขัง ไม่ให้กลับบ้านพบกับบิดามารดาผู้เสียหายทั้งหกและเด็กหญิง อ. เกิดความกลัวจึงให้การและเบิกความไปเช่นนั้น

5 คดีนี้ทนายจำเลยแถลงขอสืบพยานผู้เสียหายทั้งหก ศาลมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาว่า อนุญาต ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หากศาลเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่สามารถพิสูจน์ความจริงได้และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยนำผู้เสียหายทั้งหกเข้าเบิกความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 228 และตาม ป.วิ.พ. มาตรา 120 ประกอบ ป.วิ.อ.มาตรา 15มาตรา หาจำต้องให้จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตต่อศาลก่อนดังที่โจทก์กล่าวอ้างในฎีกาแต่อย่างใดไม่

6 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หลักในการสอบสวนคดีอาญาโดยทั่วไปตาม ป.วิ.อ. ไม่มีบทบัญญัติมาตราใดให้มีการควบคุมตัวผู้เสียหายทั้งหกและเด็กหญิง อ. ซึ่งเป็นพยานไว้ก่อนแล้วเอาตัวมาเบิกความต่อศาล แต่พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการหากมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าพยานบุคคลจะเดินทางออกไปนอกราชอาณาจักรไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง…อันเป็นการยากแก่การนำพยานนั้นมาสืบในภายหน้าจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อสืบพยานนั้นไว้ทันทีก็ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 237 ทวิ การควบคุมตัวดังกล่าวย่อมเป็นการกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพในชีวิตร่างกายของผู้เสียหายทั้งหกและเด็กหญิง อ. ซึ่งเป็นพยาน ประกอบกับการจับกุมและการคุมขังบุคคลดังกล่าวจะทำมิได้ เว้นแต่มีคำสั่งหรือหมายของศาลมีเหตุอย่างอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 28 การกระทำเช่นนี้จึงเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยมิชอบ ซึ่งต้องห้ามมิให้รับฟังพยานหลักฐานนั้น ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226

7 ศาลฎีกายังได้วินิจฉัยต่อไปอีกว่า คดีนี้ความผิดตามฟ้องโจทก์มีอัตราโทษจำคุกสูงถึงยี่สิบปี พยานโจทก์จะต้องชัดแจ้ง หนักแน่น มั่นคงโดยไม่มีข้อตำหนิใด ๆ ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ได้ ลักษณะแห่งคดีอยู่ในวิสัยที่โจทก์สามารถหาพยานหลักฐานด้วยวิธีการอันสุจริตและชอบด้วยกฎหมายมาพิสูจน์ความผิดของจำเลยได้ การรับฟังพยานหลักฐานโจทก์ที่ได้มาจากการแสวงหามาโดยมิชอบเท่ากับอนุญาตให้โจทก์นำพยานหลักฐานมาเพิ่มเติมในส่วนที่ตนนำสืบบกพร่องไว้ เพื่อจะลงโทษจำเลยแต่เพียงอย่างเดียว ทั้งที่เป็นการละเมิดต่อสิทธิส่วนบุคคลของจำเลยและกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน อันเป็นการขัดต่อหลักการพื้นฐานของการดำเนินคดีอาญาโดยทั่วไป)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

 

สภาทนายความ เปิดรับสมัคร อบรมหลักสูตร การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท รุ่นพี่ 13 รับจำนวนจำกัด โดยวิทยากรที่มากผู้ประสบการณ์เฉพาะด้านบรรยายตลอดหลักสูตร

 

ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปุมภ์ เปิดเผยว่า สภาทนายความฯ ได้เปิดรับสมัครเพื่อเข้ารับการอบรมในหลักสูตรการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท รุ่นที่.13 ขึ้น ระหว่างวันที่ 12-14 และวันที่19-20 ตุลาคม 2567 ณ ห้องประชุมชั้น 4 สภาทนายความฯ คุณสมบัติของผู้อบรมเป็นทนายความ หรือบุคคลทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ที่ประสงค์จะขึ้นทะเบียนผู้ไกล่เกลี่ย ผู้เข้าอบรมต้องมีอายุตั้งแต่ 30 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป

สำหรับหลักสูตรและรูปแบบการอบรมดังนี้ รูปแบบการเรียนการสอนในห้องเรียน ( Onsite ) จำนวน 5 วัน เป็นระยะ เวลา 38 ชม.การบรรยายแบบมีส่วนร่วมอภิปรายและระดมความคิดเห็น กิจกรรมกลุ่มฝึกปฏิบัติและฝึกไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในสถานการณ์จำลอง

อย่างไรก็ตามผู้เข้ารับการอบรมจะต้องมีระยะเวลาเข้าร่วมเรียนรู้ตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่าร้อยละ85 ของระยะเวลาการอบรมจะผ่านการฝึกปฏิบัตืในห้องเรียนโดยใช้สถานการณ์จำลองต้องผ่านการประเมินจากการทดสอบความรู้หลังเสร็จสิ้นการอบรม

นายกสภาทนายความกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การเปิดรับสมัครเข้าอบรมหลักสูตรการไกล่เกลี่ยของสภาทนายจัดขึ้นครั้งนี้ เป็นรุ่นที่ 13 รับจำนวนจำกัดรุ่นละ 50 คนเท่านั้น โดยเราจะไม่เน้นปริมาณคน แต่เราจะเน้นด้านคุณภาพของผู้เข้าอบรม เมื่อผู้ที่ผ่านหลักสูตรดังกล่าวแล้วสามารถทำในการไกล่เกลี่ยได้อย่างมืออาชีพจริง

สำหรับหลักสูตร การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่สภาทนายความฯจัดขึ้นนั้นเราได้คัดและสรรหาบุคลากรผู้มาบรรยายแต่ละท่านล้วงเป็นผู้เชียวชาญและมีประสบการด้านการไกล่เกลี่ยระดับแนวหน้าของประเทศทั้งนั้น นอกจากนี้ได้ผู้พิพากษาผู้มีประสบการ์จากศาลต่างๆอีกหลายท่านที่จะมาบรรยายในหลักสูตรดังกล่าว

เมื่อผู้เข้าอบรมผ่านหลักสูตรนี้แล้วสามารถไปขึ้นทะเยียนเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ตาม พ.ร.บ.ผู้ไกล่เกลี่ย พ.ศ.2562 ได้ ผู้ผ่านการอบรมได้รับวุฒิบัตรการไกล่เกลี่ยทุกคน

ทั้งนี้โดยจะรับสมัครตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม ถึง 10 ตุลาคม 2567 ค่าธรรมเพียงคนละ 6,000 บาทเท่านั้น รับจำนวนจำกัด 50 เท่านั้นสงวนสิทธิ์เมื่อผู้สมัครครบจำนวนจะปิดรับทันที ผู้ที่สนใจประสงค์จะเข้าอบรมสามารถสอดถามหรือสมัครได้ที่ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์

โทร 02-522-7124 ต่อ 122 มือถือ 086-327-8803

E-Mail lct249@hotmail.com

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3380.ศาลไม่ได้ตั้งทนายความให้ในชั้นพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2566 ก่อนเริ่มพิจารณาคดีศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยเรื่องทนายความแล้ว จำเลยแถลงไม่ต้องการทนายความ ศาลจึงอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟัง จำเลยให้การรับสารภาพและรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษ ซึ่งเป็นกรณีที่ต้องบังคับตาม ป.วิ.อ. มาตรา 173 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุก ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายความหรือไม่ ถ้าไม่มีและจำเลยต้องการทนายความก็ให้ศาลตั้งทนายความให้ อันเป็นการกำหนดรายละเอียดของสิทธิไว้ชัดแจ้งเช่นเดียวกันกับการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย เมื่อจำเลยแถลงไม่ต้องการทนายความและให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลชั้นต้นได้บันทึกคำให้การจำเลยไว้ ย่อมไม่มีกรณีที่ศาลชั้นต้นต้องตั้งทนายความให้จำเลย จำเลยฎีกาว่า ในวันนัดสอบคำให้การจำเลย โจทก์และจำเลยต้องมาอยู่ต่อหน้าศาลพร้อมกันให้ศาลอ่านและอธิบายฟ้องให้จำเลยฟังและถามจำเลยว่าได้กระทำผิดจริงหรือไม่ จะให้การต่อสู้อย่างไรบ้าง เมื่อจำเลยให้การอย่างไรก็ให้ศาลจดไว้ ซึ่งไม่ว่าจำเลยจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธฟ้องโจทก์ โจทก์ยังคงมีหน้าที่ต้องแถลงให้ศาลทราบว่ายังประสงค์ให้ดำเนินการต่อไปหรือไม่ วันนัดสอบคำให้การจำเลยจึงเป็นการนัดพิจารณาซึ่งโจทก์มีหน้าที่ต้องมาในวันดังกล่าวนั้น เมื่อโจทก์ไม่มา จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 172 วรรคสอง ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 181 ประกอบมาตรา 166 นั้น เห็นว่า ปัญหาดังกล่าวจำเลยมิได้อุทธรณ์จึงเป็นเรื่องที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง และมาตรา 252 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 2 ปี 6 เดือน และปรับ 800 บาท ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยพ้นโทษในคดีดังกล่าวยังไม่เกินห้าปีและกลับมากระทำความผิดคดีนี้อีกจนถูกเพิ่มโทษ เมื่อจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ซึ่งมิใช่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษหรือเป็นโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.อ. มาตรา 56 (1) และ (2) ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3379.ทนายความยื่นคำร้องขอถอนฟ้องไม่เป็นการนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 725/2567 การกระทำความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา ผู้กระทำจะต้องมีการนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดี การที่จำเลยที่ 2 ในฐานะทนายความโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 มิใช่การนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานในการพิจารณาคดี แต่เป็นอำนาจที่จำเลยที่ 2 กระทำได้ตามที่โจทก์มอบหมายไว้ในใบแต่งทนายความ หากการกระทำของจำเลยที่ 2 ฝ่าฝืนความประสงค์ของโจทก์ และทำให้โจทก์เสียหายอย่างไร ก็ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง คดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ไม่มีมูลความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีอาญา

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 113-5/2567

ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 113-5/2567

เมื่อวันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 113-5/2567 ผ่านระบบ Online และ Onsite

โดยมีคณะกรรมการบริหารสมาพันธ์ฯ เข้าร่วม ประกอบด้วย สภาทนายความ แพทยสภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทันตแพทยสภา สภาสถาปนิก สัตวแพทยสภา สภาเทคนิคการแพทย์ สภากายภาพบำบัด สภาวิชาชีพบัญชีฯ เข้าร่วมประชุม เพื่อพิจารณาวาระสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะแผนดำเนินงานยุทธศาสตร์สมาพันธ์สภาวิชาชีพฯ พ.ศ. 2567

 นอกจากนี้ที่ประชุมได้พิจารณามีมติแต่งตั้งคณะทำงานด้านวิชาการของสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย โดยมี ดร.วิรัลพัชร เวธทาวริทธิ์ธร อุปนายกฝ่ายวิชาการ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นประธานคณะทำงาน พร้อมทั้งมีมติอนุมัติรับสภาวิชาชีพสังคมสงเคราะห์ เป็นสมาชิกสมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย

 

นายกฯ เปิดการอบรม เรื่อง การดำเนินคดีทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ

 

เมื่อวันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม ชั้น 5 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม เรื่อง การดำเนินคดีทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศ

โดยมี ดร.วิรัลพัชร เวธทาวริทธิ์ธร อุปนายกฝ่ายวิชการ กล่าวรายงาน อาจารย์สยุม ไกรทัศน์ กรรมการฝ่ายวิชาการ เป็นผู้ดำเนินรายการ เนื่องในวันสถาปนาสภาทนายความ ครบรอบ 39 ปี

ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร.คมน์ทนงชัย ฉายไพโรจน์ ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ เป็นวิทยากรบรรยายในหลักสูตรดังกล่าว มีผู้เข้าร่วมอบรมทั้งออนไลน์จำนวน 1,000 คน และแบบ ออนไซต์จำนวน 300 คน