ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3447.สหกรณ์สั่งจ่ายเช็คคืนเงินให้แก่สมาชิก ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน สหกรณ์ไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1730/2565 (เล่ม 12 หน้า 85) จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคล การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ต้องกระทำโดยการแสดงเจตนาในการกระทำความผิดผ่านทางจำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งเป็นผู้แทนของนิติบุคคลตาม ป.พ.พ.มาตรา 70 กล่าวคือ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ประธานกรรมการสหกรณ์ และจำเลยที่ 3 เลขานุการร่วมกันลงลายมือชื่อ พร้อมประทับตราสำคัญของจำเลยที่ 1 ออกเช็คตามฟ้องเพื่อชำระหนี้เงินฝากคืนแก่โจทก์ เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ออกเช็คของจำเลยที่ 1 โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค เพราะจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบของความผิดว่าในวันที่ออกเช็คนั้น จำเลยที่ 1 ไม่มีเงินเพียงพอที่จะชำระเงินตามเช็คได้ จึงถือไม่ได้ด้วยว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลรู้ว่าในวันที่ออกเช็คนั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีเงินอยู่ในบัญชีเพียงพอที่จะชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ได้ การกระทำของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ดังกล่าว จึงเป็นการกระทำโดยขาดเจตนาในการกระทำความผิด จำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีความผิดฐานออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คตามที่โจทก์ฟ้อง กรณีนี้เป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี แม้จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 2 และที่ 3 เท่านั้นที่ฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ด้วยได้ ตาม พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 215 มาตรา 213 และมาตรา 185 วรรคหนึ่ง

( หมายเหตุ 1 โจทก์เป็นสมาชิกและผู้ถือหุ้นของสหกรณ์จำเลยที่ 1 เบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คธนาคาร ลงวันที่ 27 สิงหาคม 2562

2 ในวันเดียวกันนั้น โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปฝากเรียกเก็บเงินที่ธนาคาร ต่อมาวันที่ 25 สิงหาคม 2562 โจทก์ไปติดต่อธนาคารเพื่อตรวจสอบเช็ค ได้รับแจ้งจากพนักงานธนาคารว่าได้คืนเช็คให้จำเลยที่ 2 ไป

3 โจทก์จึงเดินทางไปที่สหกรณ์จำเลยที่ 1 เพื่อขอรับเช็คคืน จำเลยที่ 2 แจ้งให้โจทก์ทราบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นภายในสหกรณ์จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 และที่ 3 เพิ่งทราบข้อเท็จจริงในวันที่ 23 สิงหาคม 2562 ว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีเงินในบัญชีเพียงพอชำระหนี้เงินฝากเช็คให้แก่โจทก์ได้ โจทก์ยืนยันว่าต้องการจะรับเช็คกลับคืน จำเลยที่ 2 จึงส่งมอบเช็คคืนให้แก่โจทก์

4 วันที่ 11 กันยายน 2562 โจทก์นำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามเป็นคดีนี้

5 จำเลยที่ 2 และที่ 3 นำสืบว่า ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คให้แก่โจทก์โดยเข้าใจว่า จำเลยที่ 1 มีเงินในบัญชีมากพอที่จะชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ได้ เนื่องจากในการดำเนินงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และที่ 3 ทราบสถานะทางการเงินของจำเลยที่ 1 ผ่านการประชุมคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์จำเลยที่ 1 โดยการรายงานข้อมูลและการจัดทำ เอกสารทางการเงินจากผู้จัดการสหกรณ์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

6 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามฟ้อง

7 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษากลับให้ยกฟ้อง)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3446.คดีความผิดเกี่ยวกับเช็คไม่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2567 จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 (1) (2) และ (5) ประกอบ ป.อ. มาตรา 83 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้รอการกำหนดโทษและคุมความประพฤติของจำเลยที่ 2 ไว้ มีกำหนด 2 ปี และกำหนดเงื่อนไขในการเยียวยาโจทก์ร่วม โดยให้จำเลยทั้งสองชดใช้เงินตามเช็คที่ค้างชำระอยู่แก่โจทก์ร่วมภายในระยะเวลารอการกำหนดโทษ โดยให้ชำระทุก 3 เดือน นับแต่วันฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 เป็นต้นไป โดยนำมาวางต่อศาลชั้นต้นหรือโดยวิธีการที่ศาลชั้นต้นเห็นสมควรกำหนดตาม ป.อ. มาตรา 56 วรรคสอง (10) แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มิได้ระบุว่าจำนวนยอดหนี้ตามเช็คพิพาทที่ค้างชำระอยู่เป็นจำนวนเท่าใด จึงเป็นการยากที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวได้ ทั้งจำเลยทั้งสองได้โต้แย้งมาโดยตลอดว่าได้มีการชำระหนี้เงินต้นบางส่วนแก่โจทก์ร่วมแล้ว โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของโจทก์ร่วมหลายครั้งตามเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.4 แม้ศาลล่างทั้งสองจะฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ชำระหนี้ต้นเงิน แต่จำนวนยอดหนี้ที่จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดชดใช้แก่โจทก์ร่วมมีเพียงใดนั้น โจทก์ร่วมจะต้องไปฟ้องร้องบังคับเป็นคดีแพ่งต่างหาก ซึ่งในการพิจารณาคดีแพ่งดังกล่าวศาลไม่จำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีนี้อันเป็นคดีอาญา เนื่องจากการฟ้องร้องคดีแพ่งดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้องที่ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 แต่อย่างใด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า คดีแพ่งดังกล่าวมิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ไม่อยู่ในบังคับบัญญัติมาตรา 46 แห่ง ป.วิ.อ. การกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติในการเยียวยาโจทก์ร่วมจึงไม่เป็นไปตามควรแก่กรณี

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

 

สภาทนายความฯ รับสมัครอบรมวิชาการ ✨ ฟรี‼️

📣ประกาศสถาบันพัฒนาวิชาชีพทนายความ สภาทนายความ📣

⚖ รับสมัครอบรมวิชาการ ✨ ฟรี‼️

👉 เรื่อง “ การดำเนินคดีตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ”

✅ การดำเนินคดี แพ่งก่อนฟ้องคดีอาญาฐานฟอกเงิน

✅ มูลฐานความผิดตามกฏหมายฟอกเงิน ( ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ )

✅ การดำเนินคดีอาญาความผิดฐานฟอกเงิน

 

👨🏻‍⚖️ เชิญพบกับ

🔸 ดร.วิเชียร ชุบไธสง

นายกสภาทนายความ

 

🔸 นายสุนทร พยัคฆ์

เลขาธิการสภาทนายความ

 

🔸 ดร.วิรัชพัชร เวธทาวริทธิ์ธร

อุปนายกฝ่ายวิชาการ สภาทนายความ

 

👨🏻‍🎓 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ

🔸 นายปกาศิต เหลืองทอง

อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1

 

🗓️ วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2567

⏰ เวลา 13.30 – 16.30 น.

📍 ณ ห้องประชุม ชั้น 5 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์

 

การลงทะเบียนมี 2 ช่องทาง 🔖

🪑 Onsite

🌎 Link ลงทะเบียน : https://forms.gle/sinMqMD4GFzAoDam6

—————————

💻 Online

🌏 Link ลงทะเบียน : https://forms.gle/rZoDgUXTi7JCFkXp8

—————————

ติดต่อสอบถาม: คุณพิมพ์ฉวี และคุณจิดาภา โทร. 06 4291 4640

⚖_______________⚖

ทีม STS LEGAL X ทนายคลายเส้น คว้าแชมป์ ฟุตบอล Lawyer’s Cup ประเภท 7 คน ครั้งที่ 3

เมื่อวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เวลา 18.00 น. ที่สนามฟุตบอลวิชุปา รามอินทรา กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้เดินทางไปเป็นประธานปิดการแข่งขันและมอบถ้วยรางวัลในการแข่งขันฟุตบอล Lawyer‘s Cup ประเภท 7 คน ครั้งที่ 3 ของสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น จำนวน 16 ทีม โดยมีทนายความเข้าร่วมเชียร์และร่วมแข่งขันเกือบ 1,000 คน

🏆ผลการแข่งขันรางวัลฟุตบอลรายการ Lawyer‘s Cup ฟุตบอล 7 คน ครั้งที่ 3 ดังนี้🏆

1. รางวัลชนะเลิศ : ทีม STS LEGAL X ทนายคลายเส้น

2. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 1 : ทีม AK Super rich

3. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 2 : ทีม ลูกรพี 99

4. รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 3 : ทีม สำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ

5. รางวัลมารยาทยอดเยี่ยม : ทีม BU Connection

อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันครั้งนี้ได้เชิญนักฟุตบอลทนายความรุ่น 48 ถึงรุ่น 64 จนถึงรุ่นปัจจุบันเข้าร่วมแข่งขัน

นายกสภาทนายความ เป็นวิทยากรบรรยาย พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 หัวข้อ”ทวงหนี้อย่างไรไม่ติดคุก ‘

เมื่อวันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน 2567 เวลา 08.45 – 10.45 น. ที่ห้องประชุม 1 อาคารเรียนรวมและศูนย์วัฒนธรรม (พุทธวิชชาลัย) มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้รับเกียรติให้เป็นวิทยากรบรรยาย พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558 เรื่อง ”ทวงหนี้อย่างไรไม่ติดคุก“

โดยมี นายประชา ชัยสุวรรณ นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้สถาบันการเงิน กล่าวเปิดงาน นายนิพลฐ์ สุขภิบาล เลขาธิการสมาคมผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้สถาบันการเงิน ผู้ดำเนินรายการ นายวัชรินทร์ นิลโมจน์ รองนายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจทวงถามหนี้สถาบันการเงิน เป็นวิทยากรบรรยายเรื่องกฎเกณฑ์ตามกฎกระทรวง และประกาศคณะกรรมการกำกับการทวงถามหนี้ ซึ่งมีสมาชิกจากสำนักงานกฎหมาย 41 สำนักงาน ลงทะเบียนเข้ารับการอบรมจำนวน 519 คน

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …


 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3445.พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบสำนวนคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2567 จำเลยฎีกาโต้เถียงว่าพนักงานสอบสวนในท้องที่เกิดเหตุคนใดจะเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบมีอำนาจสรุปสำนวนและทำความเห็นควรสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องส่งไปพร้อมกับสำนวนเพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 140 เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย อันเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยในข้อนี้ จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3445.พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนในคดีที่สมาชิกฟ้องกรรมการกลุ่มสัจจะออมทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 404/2565 (เล่ม 12 หน้า 13) กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ว. มีวัตถุประสงค์ให้สมาชิกออมเงิน แล้วนำเงินฝากของสมาชิกไปให้สมาชิกกู้ยืมโดยคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2 บาทต่อเดือน แล้วนำดอกเบี้ยมาจ่ายเป็น สวัสดิการให้แก่สมาชิก ดอกเบี้ยดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 24 บาทต่อปี เกินกว่าร้อยละ 15 บาทต่อปี ต้องห้ามตาม ป.พ.พ. มาตรา 654 และ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 มาตรา 3 ในขณะนั้น และ พ.ร.บ. ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 ที่ใช้บังคับภายหลัง ดังนี้ วัตถุประสงค์ในการดำเนินการกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ว. จึงต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายและขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 สมาชิกทุกรายที่เข้าร่วมฝากเงินและกู้ยืม รวมทั้งชำระดอกเบี้ยในอัตราดังกล่าวหรือเมื่อผิดนัดยินยอมให้ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ด้วยการนำต้นเงินและดอกเบี้ยค้างชำระที่ฝ่าฝืนกฎหมายรวมเข้ากันแล้วคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2 ต่อเดือนต่อไป ซึ่งเกินกว่า ระเบียบข้อบังคับกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ว. ฉบับปรับปรุง 2549 ข้อ 23 รวมถึงการส่งมอบเงินฝาก รับเงินกู้ยืม เงินกำไร หรือปันผล ดอกเบี้ยของสมาชิกในทุกขั้นตอนตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวเป็นการร่วมกันกระทำการอันต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ทั้งขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนซ้ำซ้อน โจทก์ร่วมและผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิก จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 20 ไม่มีสิทธิร้องทุกข์ในความผิดฐานร่วมกันยักยอกทรัพย์ดังกล่าวซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัวอันยอมความได้ ตาม ป.อ. มาตรา 356 พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจสอบสวนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 121 วรรคสอง และพนักงานอัยการโจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225 ซึ่งศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง

(หมายเหตุ 1 กลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ว. มีสมาชิก 1,897 คน มีจำเลยทั้งสิบสี่คนเป็นกรรมการ

2 ต่อมา ส.กับพวกลาออกจากสมาชิกกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ว. แต่ไม่ได้รับเงินฝากคืนจากจำเลยทั้งสิบสี่ ต่อมา ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 ส.ในฐานะส่วนตัวและผู้รับมอบอำนาจจากสมาชิกกลุ่มไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสิบสี่ ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์

3 พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยทั้งสิบสี่ว่า เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่น กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของผู้นั้น

4 พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสิบสี่ตาม ป.อ. มาตรา 352 ,353 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง

5 ศาลฎีกาพิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

6 ก่อนคดีนี้ โจทก์ร่วมเคยเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสิบสี่ให้ร่วมกันชำระ เงินฝากคืนพร้อมดอกเบี้ยต่อศาลชั้นต้น

7 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิโจทก์ และจำเลยทั้งสิบห้าไปว่ากล่าวกันต่อไปตามสิทธิ หลังจากได้มีการชำระบัญชีของห้างหุ้นส่วนแล้วตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 135/2559

8 ต่อมา โจทก์ร่วมกับพวกฟ้องจำเลยทั้งสิบสี่ และมีคำขอให้ศาลพิพากษาให้เลิกห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียนกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ว. คู่ความได้มีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลมีคำพิพากษาตามยอม มีการชำระบัญชีของกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ ว. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมาฟ้องเป็นคดีนี้)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

กลุ่มทนายความน้ำใส ตบเท้าให้กำลังใจ “วิเชียร ชุบไธสง” พร้อมยื่นหนังสือให้จัดระเบียบมรรยาททนายความ 

เมื่อวันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.30 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร สมาชิกทนายความจากกลุ่มต่าง ๆ ที่หลากหลายเดินทางมาเข้าพบ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เพื่อให้กำลังใจ พร้อมยื่นหนังสือ เพื่อให้ดำเนินการเกี่ยวกับการจัดระเบียบมรรยาททนายความที่มีทนายความบางคนไปกระทำการให้เกิดความเสียหายกับองค์กรสภาทนายความและผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ

 

 

สภาทนายความร่วมหารือประธานศาลฎีกาคนใหม่ ประสานความร่วมมือหน่วยงานเพื่ออำนวยยุติธรรมแก่ประชาชน

 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. ณ ศาลฎีกา (สนามหลวง) ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยคณะบริหารสภาทนายความและตัวแทนประธานสภาทนายความจังหวัด ได้เข้าพบนางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกา พร้อมคณะ เพื่อหารือแนวทางการทำงานร่วมกันในการส่งเสริมความยุติธรรมให้แก่ประชาชน ซึ่งในการหารือครั้งนี้ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นสำคัญต่างๆ อาทิ การปฏิบัติหน้าที่ของทนายความขอแรง โครงการปฏิรูปทนายความอาสา ทนายความขอแรง และที่ปรึกษากฎหมายของเด็กและเยาวชน ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจัดทำบัญชีรายชื่อทนายความและการตั้งทนายความให้ผู้ต้องหาหรือจำเลย พ.ศ. 2567 การส่งเสริมความร่วมมือในการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมและสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ การเชื่อมข้อมูลระหว่างสำนักงานศาลยุติธรรมและสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อลดขั้นตอนการใช้สำเนาใบอนุญาตให้เป็นทนายความ เมื่อมีการดำเนินคดีทางศาล และป้องกันทนายความปลอมในการว่าความ

สำหรับการหารือในครั้งนี้มีนายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร นายสุชาติ ชมกุล อุปนายกฝ่ายกิจการพิเศษ นายศิริศักดิ์ อมาตยกุล ประธานสภาทนายความจังหวัดนนทบุรี นายธีระเกียรติ อนันตรสุชาติ ประธานสภาทนายความจังหวัดอ่างทอง นายภัทราวุฒิ พันธ์รัศมี ประธานสภาทนายความจังหวัดสุพรรณบุรี นายวีรยุทธ ชูสุวรรณ ประธานสภาทนายความจังหวัดสมุทรปราการ และนายอุทัย ไสยสาลี หัวหน้าสำนักงานสภาทนายความ ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดและสะท้อนข้อติดขัดในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์และศาลฎีกา เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม

ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวอีกว่า สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์จะได้รวบรวมปัญหา อุปสรรคข้อคิดเห็นต่าง ๆ เกี่ยวกับระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจัดทำบัญชีรายชื่อทนายความและการตั้งทนายความให้ผู้ต้องหาหรือจำเลย พ.ศ. 2567 จากกรรมการบริหารภาค ประธานสภาทนายความจังหวัด และสมาชิกสภาทนายความ เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลนำเสนอต่อประธานศาลฎีกาและสำนักงานศาลยุติธรรมอย่างเร่งด่วนต่อไป

 

ร่วมประชุมเพื่อยกระดับทนายความอาสาเตรียมการรองรับปีงบประมาณ 2569 สภาทนายความภาค 4 จังหวัดขอนแก่น

 

เมื่อวันพุธที่ 13 พฤศจิกายน 2567 เวลา 16.30 น. โรงแรมโฆษะ จังหวัดขอนแก่น : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ พร้อมด้วยนายพิเชฐ คูหาทอง กรรมการบริหารสภาทนายความภาค 4 ได้เดินทางไปร่วมประชุมเพื่อยกระดับทนายความอาสาเตรียมการรองรับปีงบประมาณ 2569 โดยได้รับเกียรติจากนายสิทธิพร สาระพาณิชย์ ประธานที่ปรึกษาด้านกฎหมายนายกสภาทนายความ นายธวัชชัย ละครชัย ประธานสภาทนายความจังหวัดขอนแก่น ว่าที่ร้อยตรีโกวิทย์ บุตรลำภู ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมแพ นายญาณณิญ ฉายชยาณณณ์ รักษาการประธานสภาทนายความจังหวัดพล และทนายอาวุโสพร้อมด้วยทนายความอาสาในเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่นจำนวนมากให้การต้อนรับ และร่วมหารือการเพิ่มศักยภาพในการทำงานของทนายความอาสา เพื่ออำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน