⚖️ สถาบันวิชาชีพกฎหมายชั้นสูง สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดอบรมหลักสูตร ประกาศนียบัตรทนายความที่ปรึกษากฎหมายชั้นสูง รุ่นที่ 23

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ ห้องประชุม ชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตร ประกาศนียบัตรทนายความที่ปรึกษากฎหมายชั้นสูง รุ่นที่ 23

โดยมี นายสุมิตร มาศรังสรรค์ ผู้อำนวยการสถาบันวิชาชีพกฎหมายชั้นสูง เป็นผู้กล่าวรายงาน นายชยธวัช อติแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความ เป็นผู้ดำเนินรายการ

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร.วศิน พิพัฒน์ฉัตร อนุกรรมการบริหารหลักสูตร แนะนำการทำรายงานวิชาการ หัวข้อ “ค้นคว้าอิสระ” อาจารย์นันทน อินทนนท์ บรรยายในหัวข้อ “เครื่องหมายการค้า” และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสถียรภาพ นาหลวง บรรยายในหัวข้อ “หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์” ซึ่งมีทนายความเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

 

 

⚖️ สำนักงานกิจการระหว่างประเทศ เปิดโครงการอบรมหลักสูตร “ล่ามในกระบวนการยุติธรรม” รุ่นที่ 4

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2568 เวลา 09.45 น. ที่ ห้องบรรยาย ชั้น 3 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรมโครงการอบรมหลักสูตร “ล่ามในกระบวนการยุติธรรม” รุ่นที่ 4

โดยมี นางสาวศรินทร เลืองวัฒนะวณิช อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ กล่าวต้อนรับ อาจารย์ทักษะ อรเอก ผู้อำนวยการหลักสูตร กล่าวรายงาน นางสาวจุฑาทิพย์ ลิ้มพงษ์ประเสริฐ กรรมการสำนักงานกิจการระหว่างประเทศ ผู้ดำเนินรายการ นอกจากนี้ยังมีทีมวิยากรผู้ทรงคุณวุฒิมากประสบการณ์ และผู้เชี่ยวชาญด้านล่ามในกระบวนการยุติธรรมอีกจำนวนมากมาช่วยอำนวยการอบรมในครั้งนี้

ทนายความอาสาเตรียมเฮ

ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวว่าสืบเนื่องมาจากทนายความอาสาของสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งได้อาสาเข้ามาทำคดีให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นการว่าความแก้ต่างคดี โดยก่อนหน้านี้สภาทนายความคงค้างเงินช่วยเหลือในการทำคดีจำนวนมาก บัดนี้ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้จัดสรรงบประมาณไว้จ่ายเงินคงค้างทั้งหมดประมาณ 10 ล้านบาท โดยจะนำเข้าสู่ที่ประชุมของคณะกรรมการสภาทนายความ ในการประชุมประจำเดือน มิถุนายน 2568 ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 26-27 มิถุนายน 2568 ที่สภาทนายความ

และจะจ่ายเงินคงค้างจากการทำคดีของทนายความอาสาให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2568 นับว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งหลังจากทนายความอาสาของสภาทนายความรอมานานหลายปี

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3645.เข้าไปดำเนินกิจการร้านค้าแทนลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงเป็นบริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5357/2567 ผู้ร้องซื้ออุปกรณ์ภายในร้านค้าของจำเลยแล้วเข้าดำเนินกิจการร้านค้าแทน เป็นการอาศัยสิทธิของจำเลยที่เป็นผู้เช่าอาคารพิพาทจากโจทก์เข้าไปทำประโยชน์ในอาคารพิพาทแทนจำเลย ผู้ร้องจึงอยู่ในฐานะบริวารของจำเลย

การรถไฟแห่งประเทศไทยฟ้องขับไล่โจทก์จนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่ดินพร้อมส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยคืนแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยแล้ว โจทก์เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวและมีหน้าที่ต้องส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยคืนแก่การรถไฟแห่งประเทศไทย การที่ผู้ร้องยังไม่ออกไปจากที่ดินทำให้โจทก์ไม่อาจส่งมอบที่ดินในสภาพเรียบร้อยคืนแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ ผู้ร้องจึงเป็นภาระของโจทก์ในการปฏิบัติตามคำบังคับ หาใช่อำนาจพิเศษในการครอบครองอาคารพิพาทไม่

(หลักกฎหมาย ป.วิ.พ. มาตรา 353 (2))

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3644.หมิ่นประมาททางเฟซบุ๊ก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2624/2567 (เล่ม 5 หน้า 63) จำเลยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของจำเลยรวม 9 ครั้ง ตามวันเวลากันแต่ละครั้งของการโพสต์ข้อความมีการแสดงความคิดเห็นโต้ตอบและแสดงข้อเท็จจริงกับบุคคลอื่นที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นของแต่ละการโพสต์ข้อความเป็นส่วนๆแยกต่างหากจากกันของแต่ละโพสต์ ข้อความของจำเลยในลักษณะที่ยืนยันข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันออกไป จำเลยกระทำโดยเจตนาใส่ความมุ่งประสงค์ที่จะทำลายชื่อเสียงของโจทก์หลายๆครั้ง เพื่อให้โจทก์ได้รับความเสียหายหลายครั้ง และมีบุคคลอื่นได้มาอ่านข้อความที่จำเลยโพสค์หลายๆคนโดยมีการโพสต์ข้อความโต้ตอบกับจำเลยในแต่ละโพสต์แยกต่างหากจากกัน แสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยที่ต้องการยืนยันข้อเท็จจริงแต่ละอย่างแต่ละครั้งแยกต่างหากจากกัน และประสงค์ต่อผลให้โจทก์เสียชื่อเสียงในแต่ละเรื่องแต่ละครั้งที่จำเลยโพสต์แตกต่างกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน มิใช่เป็นการกระทำกรรมเดียวและมีเจตนาเดียว

(หมายเหตุ 1 คดีนี้จำเลยได้โพสต์ข้อความผ่านทางแอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กจากบัญชีผู้ใช้งานของจำเลย ซึ่งจำเลยได้ตั้งค่าการโพสต์ข้อความประเภทที่บุคคลใดๆ ก็ตามที่ใช้แอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กหรือไม่ใช่แอปพลิเคชั่นเฟซบุ๊กสามารถเข้าถึงข้อความที่จำเลยโพสต์ได้

2 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียว

3 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยโพสต์ข้อความใส่ความโจทก์ในเฟซบุ๊กของจำเลยที่เปิดเป็นสาธารณะที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ เป็นการกระจายข้อความไปสู่สาธารณะหรือประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นบุคคลที่สาม ทั้งข้อความที่จำเลยโพสต์ก็เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างตัวจำเลยกับโจทก์ ซึ่งการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ในทันทีที่จำเลยโพสต์ข้อความ ความเสียหายของโจทก์ยากที่จะแก้ไขได้คืน

4 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษจำคุกกระทงละ 6 เดือน ลดโทษคงจำคุกรวม 36 เดือน ไม่รอการลงโทษ)

(หลักกฎหมาย ป.อ.มาตรา 91, 328)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3643.รับจ้างเปิดบัญชีเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4920/2567 การรับจ้างเปิดบัญชีแล้วมอบสมุดบัญชีเงินฝากให้บุคคลอื่นไปใช้เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย ย่อมแสดงให้เห็นเจตนาร้ายของจำเลย ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยเล็งเห็นได้ว่า ค. อาจเป็นผู้รับจัดหาคนมาเปิดบัญชีให้คนร้ายหรือร่วมกับคนร้ายอาจนำสมุดบัญชีเงินฝากของจำเลยไปใช้ในการกระทำความผิดกฎหมายหรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ จำเลยจะอ้างว่าถูกหลอกใช้หาได้ไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายได้รับประโยชน์จากบัญชีเงินฝากของจำเลยก่อนและขณะที่คนร้ายร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหายที่ 2 จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของผู้อื่นฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น

(หมายเหตุ 1 คดีนี้พนักงานสอบสวนเบิกความเป็นพยานโจทก์ กล่าวถึงลักษณะการกระทำความผิดของคนร้ายว่า ความผิดที่เกิดขึ้นมีผู้ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน 49 คน ผู้เสียหายที่ 2 เป็นคนหนึ่งในจำนวนนั้น ผู้กระทำความผิดจะส่งลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอมของผู้เสียหายที่ 1 ไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ถูกหลอกลวง เมื่อผู้ถูกหลอกลวงกดลิงก์ข้อความเข้าไปในเว็บไซต์และกรอกข้อมูลส่วนตัวเพื่อปรับปรุงข้อมูลของธนาคาร ผู้กระทำความผิดจะนำข้อมูลไปเข้าใช้ระบบบัญชีเงินฝากทางอินเทอร์เน็ตของผู้ถูกหลอกลวงในเว็บไซต์ที่แท้จริงของธนาคาร จากนั้นจะถอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากของผู้ถูกหลอกลวงโอนเข้าบัญชีที่ผู้กระทำความผิดเตรียมไว้ โดยลักษณะการกระทำความผิด กระทำกันเป็นขบวนการ แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นกลุ่มจัดทำเว็บไซต์ปลอม กลุ่มที่สองเป็นผู้ว่าจ้างเปิดบัญชีเงินฝากและรับจ้างเปิดบัญชีเงินฝากเพื่อรับโอนเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้ถูกหลอกลวง และกลุ่มที่สามเป็นผู้ทำหน้าที่ถอนเงินจากตู้ถอนเงินอัตโนมัติ (เอทีเอ็ม) นำเข้าบัญชีเงินฝากของผู้กระทำความผิดด้วยวิธีการฝากเข้าตู้รับฝากเงินสด กลุ่มคนที่รับเงินไปเป็นชาวจีน (ไต้หวัน) และถูกเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลสายไหมจับกุมได้ โดยคนร้ายใช้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคนร้ายเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับระบบ……..ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายที่ 1 และเข้าถึงข้อมูลในบัญชีธนาคาร ท. สาขา……..เลขที่บัญชี…….ของผู้เสียหายที่ 2 และข้อมูลในบัญชีธนาคาร ท. ของผู้ถูกหลอกลวงที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายที่ 1 อันเป็นการหลอกลวงประชาชนทั่วไป มิได้มุ่งหมายเจาะจงหลอกลวงเฉพาะผู้เสียหายที่ 2 หรือผู้ถูกหลอกลวงคนหนึ่งคนใด แต่ขึ้นอยู่กับคนร้ายจะสุ่มได้หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของลูกค้าธนาคาร ท. คนใดที่ปรากฏอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของคนร้าย

2 จากพยานหลักฐานโจทก์ในคดีนี้ไม่ปรากฏว่า จำเลยได้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยในการส่งลิงก์ข้อความเว็บไซต์ปลอม หรือใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ในการโอนเงินออกจากบัญชีของผู้เสียหายที่ 2 หรือจำเลยได้มอบบัตรถอนเงินสด (เอทีเอ็ม) ให้ผู้ใด)

(หลักกฎหมาย ป.อ. มาตรา 83, 86, 342 (1), 343)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3641.ช่วยนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปจำนำ ไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์

คำพิพากษาฎีกาที่ 4320/2567 (เล่ม 10 หน้า 2180) จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ร่วมนำรถไปส่งมอบให้แก่ผู้รับจำนำ เมื่อผู้รับจำนำได้รับรถของโจทก์ร่วมแล้วจึงโอนค่าจำนำรถให้แก่จำเลยเพื่อให้จำเลยนำไปส่งมอบให้แก่โจทก์ร่วม แม้ต่อมาผู้รับจำนำยึดรถนั้นไปก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในภายหลัง เมื่อจำเลยไม่ได้เป็นผู้ครอบครองรถของโจทก์ร่วมมาตั้งแต่ต้น จึงไม่ครบองค์ประกอบที่จะเป็นผู้กระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของโจทก์ร่วม เช่นนี้จำเลยไม่ต้องรับผิดในการคืนรถยนต์หรือชดใช้ราคาให้แก่โจทก์ร่วม

(หมายเหตุ 1 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง และยกคำขอในคดีส่วนแพ่ง

2 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 352 วรรคแรก จำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนรถยนต์พร้อมกุญแจหรือใช้ราคา 600,000 บาท

3 จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาครอบครองและไม่ได้ครอบครองรถยนต์ของโจทก์ร่วม จึงขาดองค์ประกอบความผิดฐานยักยอกทรัพย์

4 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษากลับให้ยกฟ้อง และยกคำร้องขอเรียกค่าสินไหมทดแทน)

(หลักกฎหมาย ป.อ. มาตรา 352 ป.วิ.อ.มาตรา 43 , 44/1)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3642.เจ้าบ้านไม่ยอมส่งต้นฉบับสําเนาทะเบียนบ้านแก่เจ้าของบ้าน ไม่เป็นความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2148/2567 (เล่ม 5 หน้า 45) คำว่า “เอาไปเสีย” ตามมาตรา 188 มิได้มีความหมายเป็นอย่างเดียวกับคำว่า “เอาไป” ที่ใช้ในความผิดข้อหาลักทรัพย์ตามมาตรา 334 แต่หมายถึงการเอาไปจากที่เอกสารนั้นเคยอยู่ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนที่อาจต้องขาดเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐาน การกระทำที่จะเป็นความผิดข้อหาเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น จึงต้องเป็นการเอาเอกสารของผู้อื่นไปโดยพลการมิใช่ครอบครองเอกสารนั้นไว้โดยความยินยอมของผู้อื่น

ผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยเป็นผู้ครอบครองและเก็บรักษาต้นฉบับสำเนาทะเบียนบ้านไว้ แม้ต่อมาผู้เสียหายไม่ประสงค์ให้จำเลยครอบครองเอกสารดังกล่าวไว้แทน จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องส่งมอบต้นฉบับสำเนาทะเบียนบ้านตามฟ้องคืนให้แก่ผู้เสียหาย แต่จำเลยไม่ยอมส่งมอบคืนอันเป็นการกระทำที่ถือว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของผู้เสียหาย ก็เป็นเรื่องที่จำเลย จะต้องรับผิดไปทางแพ่ง การกระทำของจำเลยไม่ถือว่าเป็นการซ่อนเร้น หรือเอาไปเสีย ซึ่งเอกสารของผู้อื่น

(หมายเหตุ 1 ตาม พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2534 มาตรา 39 กำหนดให้จำเลยในฐานะเจ้าบ้านมีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องเก็บรักษาต้นฉบับสำเนาทะเบียนบ้าน

2 ข้อเท็จจริงผู้เสียหายและจำเลยเคยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา ผู้เสียหายซื้อที่ดิน โดยมีชื่อจำเลยเป็นเจ้าบ้านและเป็นผู้เก็บรักษาต้นฉบับสำเนาทะเบียนบ้านไว้ ต่อมาผู้เสียหายให้จำเลยคืนสำเนาทะเบียนบ้าน แต่จำเลยไม่คืน

3 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 188 จำคุก 1 ปี และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

4 โจทก์ฎีกาว่า การที่จำเลยไม่คืนต้นฉบับสำเนาทะเบียนบ้านตามฟ้องให้แก่ผู้เสียหาย ย่อมทำให้ผู้เสียหายไม่สามารถดำเนินการเกี่ยวกับบ้านซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการซ้อนเร้น หรือเอาไปเสีย ซึ่งต้นฉบับสำเนาทะเบียนบ้าน อันเป็นองค์ประกอบความผิดข้อหาเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น

5 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดข้อหาเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อ.มาตรา 188 เป็นความผิดต่อเจ้าพนักงานในการยุติธรรม กฎหมายมิได้มุ่งถึงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิในการเป็นเจ้าของกระดาษหรือวัตถุที่ทำให้ปรากฏความหมายเป็นเอกสารซึ่งบทบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับทรัพย์บัญญัติไว้เป็นการทั่วไปอยู่แล้ว

6 และมีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

(หลักกฎหมาย ป.อ.มาตรา 188)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3640.จำเลยนำรถยนต์ที่เช่าซื้อของผู้เสียหายไปจำนำ แล้วเอาเงินที่จำนำไป เป็นความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2427/2567 (เล่ม 5 หน้า 53) ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158(5) ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 บัญญัติให้ฟ้องโจทก์ต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องด้วยพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ดังนั้น หากฟ้องโจทก์แตกต่างจากข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาในรายละเอียดเกี่ยวกับบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นองค์ประกอบภายนอก ของความผิดในส่วนที่เป็นวัตถุแห่งการกระทำที่กฎหมายมุ่งคุ้มครองย่อมถือว่าแตกต่างกันในข้อสาระสำคัญ เมื่อข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏไปทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยไม่ได้กระทำความผิดต่อรถยนต์ตามที่โจทก์ฟ้อง หากแต่จำเลยกระทำต่อเงินที่จำเลยได้รับจากการจำนำรถยนต์ซึ่งโจทก์ไม่ได้ฟ้องและไม่ได้ประสงค์ให้ลงโทษจำเลย ในกรณีเช่นนี้ต้องถือว่าแตกต่างกันในข้อสาระสำคัญ จึงลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกไม่ได้

(หมายเหตุ 1 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ.มาตรา 341 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน จำนวน 1,100,000 บาทแก่ผู้เสียหาย

2 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การที่จำเลยนำเงิน 66,000 บาท ที่ได้รับจากการจำนำรถยนต์ไปนั้น เป็นการยักยอกเงิน 66,000 บาท ของผู้เสียหาย และพิพากษาลงโทษจำเลยฐานยักยอกทรัพย์

3 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นดังกล่าวต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 ประกอบ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

4 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)

(หลักกฎหมาย ป.วิ.อ.มาตรา 158(5) , 192 วรรคสาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3639.ผู้จัดการมรดกตาย ทายาทของผู้จัดการมรดกจะเข้าเป็นคู่ความแทนไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4043/2567 (เล่ม 5 หน้า 136) การขอตั้งผู้จัดการมรดกตลอดจนการคัดค้านการขอตั้งผู้จัดการมรดกเป็นเรื่องเฉพาะตัวของทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียในแต่ละคน ทายาทของผู้ร้องที่ 1 ไม่อาจเข้ามาเป็นคู่ความแทนได้ และเมื่อผู้ร้องที่ 1 ถึงแก่ความตาย จึงไม่เป็นประโยชน์ที่จะพิจารณาฎีกาของผู้ร้องที่ 1 ต่อไป จึงให้จำหน่ายคดี ของผู้ร้องที่ 1 เสียจากสารบบความของศาลฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 132 (3) คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาทั้งหมดให้แก่ทายาทหรือผู้จัดการมรดกของผู้ร้องที่ 1

(หลักกฎหมาย ป.วิ.พ. มาตรา 42 , 132(3))

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849