ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3544.ไม่ได้รู้เห็นกับพวกของจำเลยในขณะที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3978/2567 การที่ผู้ตายที่ 1 ใช้อาวุธมีดแทง น. แล้ว น. ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายที่ 1 จึงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าอย่างกะทันหันโดยจำเลยมิได้คบคิดนัดหมายกันมาก่อน ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและฐานฆ่าผู้อื่นโดยพลาด แต่เมื่อจำเลยมีเจตนาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้ตายที่ 1 มาตั้งแต่ต้นและร่วมชุลมุนชกต่อยผู้ตายที่ 1 จึงต้องรับผลแห่งการกระทำของพวกจำเลยและ น. ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานทำร้ายผู้ตายที่ 1 จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 และฐานร่วมกันทำร้ายผู้ตายที่ 2 จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยพลาดตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบมาตรา 60, 83 อันเป็นความผิดหลายอย่างซึ่งรวมอยู่ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยพลาดตามที่โจทก์ฟ้อง และเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ซึ่งศาลฎีกาลงโทษในความผิดดังกล่าวตามที่พิจารณาได้ความได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3545.ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ทายาทของผู้ตาย ไม่ทำให้คดีอาญาระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2952/2567 ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชดใช้ให้แก่ผู้ร้องทั้งสองจนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 ก็ตาม ก็ไม่ถือว่าเป็นการยอมความ อันจะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวระงับไป แต่มีผลทำให้คดีในส่วนแพ่งของผู้ร้องทั้งสองที่ยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 ระงับไปเท่านั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

(หมายเหตุ 1 จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ผู้ตายมีอาการมึนเมาสุราเดินมาที่โต๊ะของจำเลยทั้งสองและตะโกนด่าพร้อมเข้ามาตบศีรษะของจำเลยที่ 1 โดยผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนก็ตาม แต่ผู้ตายเพียงด่าและตบศีรษะจำเลยที่ 1 เท่านั้น การที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธมีดคัตเตอร์แทงผู้ตายไปที่บริเวณหน้าอกข้างซ้ายใต้ราวนม 1 ครั้ง ในขณะที่ผู้ตายมีอาการมึนเมาสุราและไม่มีอาวุธใด ๆ ที่จะต่อสู้กับจำเลยที่ 1 ได้ นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3543.วันคำพิพากษาถึงที่สุดในการขอคืนของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2567 การร้องขอคืนของกลางตามที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 36 นั้น เจ้าของที่แท้จริงซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดย่อมมีสิทธิร้องขอคืนของกลางต่อศาลได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งคำว่า “วันคำพิพากษาถึงที่สุด” นี้ ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง บัญญัติว่า “คำพิพากษาหรือคำสั่งใดซึ่งอาจอุทธรณ์ฎีกาหรือมีคำขอให้พิจารณาใหม่ได้นั้น ถ้ามิได้อุทธรณ์ฎีกาหรือร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าเป็นที่สุดตั้งแต่ระยะเวลาเช่นว่านั้นได้สิ้นสุดลง…” ซึ่งก็คือ เมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความฟัง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 198 และมาตรา 216 ในกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ฎีกาแล้วมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาตามที่ได้ขอขยายระยะเวลาไว้ วันคำพิพากษาถึงที่สุดย่อมต้องกลับไปใช้ระยะเวลา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดโดยกฎหมาย คือ เมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความฟัง

คดีนี้เมื่อมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้คู่ความความฟัง เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 โจทก์และจำเลยทั้งสองใช้สิทธิฎีกาได้ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2564 ซึ่งจำเลยทั้งสองมิได้ขอขยายระยะเวลาฎีกาและมิได้ใช้สิทธิฎีกา ส่วนโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกาและศาลชั้นต้นอนุญาตถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2564 แต่โจทก์มิได้ฎีกา คำพิพากษาย่อมถึงที่สุดในวันที่ 15 มีนาคม 2564 อันเป็นวันครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้คู่ความฟัง สิทธิของผู้ร้องที่จะขอคืนของกลางต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด จึงต้องนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2564 มิใช่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 ดังที่ผู้ร้องอุทธรณ์ ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอคืนของกลางเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 จึงเป็นการยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด ต้องห้ามตาม ป.อ. มาตรา 36 ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

(หมายเหตุ 1 กำหนดเวลาในการยื่นคำร้องขอคืนของกลางตามที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 36 เป็นกำหนดเวลาในการใช้สิทธิในการดำเนินคดี มิใช่ระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความตามที่กำหนดไว้เพื่อให้ดำเนิน หรือมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ก่อนสิ้นระยะเวลานั้น)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3542.ออกเช็คเพื่อให้ถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน ไม่ตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2567 แม้จำเลยจะออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อให้โจทก์ร่วมถอนฟ้องจำเลยในคดีที่โจทก์ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดอาญาแผ่นดินก็ตาม แต่การที่โจทก์ร่วมจะถอนฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่ ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ร่วมอันพึงกระทำได้ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคหนึ่ง โดยกฎหมายมิได้ห้ามโจทก์ซึ่งฟ้องคดีความผิดอาญาแผ่นดินไว้แล้วจะถอนฟ้องไม่ได้ การที่โจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทจากจำเลยแล้วถอนฟ้องในคดีที่โจทก์ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ย่อมเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย มูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อย จึงไม่ตกเป็นโมฆะ

(หมายเหตุ 1 คดีนี้จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเป็นเงินสูงถึง 1,200,000 บาท โดยจำเลยไม่เคยพยายามบรรเทาผลร้ายด้วยการชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมเลย ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่โจทก์ร่วม แม้จำเลยอายุมากแล้ว มีโรคประจำตัวหลายโรค ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ชอบช่วยเหลืองานสังคมและสาธารณะมาโดยตลอด ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย

3 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองที่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษจำคุก)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาทนายความภาค 4 เชื่อมความสัมพันธ์ กับ สภาทนายความลาวแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

เมื่อวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 – 17.00 น. ที่ สถาบันการยุติธรรมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้เดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสภาทนายความแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

โดยมีนายวรัศมี สุริปะพัน ประธานสภาทนายความ แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กับคณะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งฝ่าย สภาทนายความของประเทศไทยมีนายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ นายพิเชฐ คูหาทอง กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 4 นายวสันต์ พุฒิสันติกุล ประธานสภาทนายความจังหวัดหนองคาย นายเกรียงวิธญ์ โพธิ์ขำใหญ่ ประธานสภาทนายความจังหวัดอุดรธานี นางสุคนธ์ทิพย์ พรหมสิทธิ์ ประธานสภาทนายความจังหวัดหนองบัวลำภู ว่าที่ร้อยตรี โกวิทย์ บุตรลำภู ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมแพ นายจิรศักดิ์ เอี่ยมดิลก ประธานสภาทนายความจังหวัดมหาสารคาม นายวุฒิพงศ์ เนติธีรัตน์ ประธานสภาทนายความจังหวัดเลย

     นอกจากนี้ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้บรรยายแลกเปลี่ยนความรู้ด้านจริยธรรมและมรรยาททนายความให้แก่ทนายความของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและหน่วยงานที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม จำนวนมากร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมรรยาทของทนายความสองประเทศ

สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาทนายความภาค 4 ร่วมกับคณะสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (วิทยาเขตหนองคาย) จัดอบรมวิชาการ

⚖️เมื่อวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 – 12.00 น. ที่ ห้องประชุมใหญ่ NK2217 อาคารเรียนรวมและปฏิบัติการ 1 คณะสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (วิทยาเขตหนองคาย) จังหวัดหนองคาย : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรนักกฎหมายในศตวรรษที่ 21 เรื่อง “กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” โดยมี นายวสันต์ พุฒิสันติกุล ประธานสภาทนายความจังหวัดหนองคาย กล่าวรายงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุนทรี บูชิตชน คณบดีคณะสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวต้อนรับ

นอกจากนี้ โดยได้รับเกียรติจาก นายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ นายพิเชฐ คูหาทอง กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 4 นายธวัชชัย ละครชัย ประธานสภาทนายความจังหวัดขอนแก่น นายเกรียงวิธญ์ โพธิ์ขำใหญ่ ประธานสภาทนายความจังหวัดอุดรธานี นางสุคนธ์ทิพย์ พรหมสิทธิ์ ประธานสภาทนายความจังหวัดหนองบัวลำภู ว่าที่ร้อยตรี โกวิทย์ บุตรลำภู ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมแพ นายจิรศักดิ์ เอี่ยมดิลก ประธานสภาทนายความจังหวัดมหาสารคาม นายวุฒิพงศ์ เนติธีรัตน์ ประธานสภาทนายความจังหวัดเลย นายประภาส แสงสุกวาว ประธานสภาทนายความจังหวัดสกลนคร และ นายบุญมา สายสุพรรณ์ ประธานสภาทนายความจังหวัดบึงกาฬ

นอกจากนี้ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี”

ซึ่งมีคณะกรรมการสภาทนายความภาค 4 ทนายความในจังหวัดหนองคายและทนายความ ภาค 4 เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3540.หน้าที่ของทนายความเมื่อตัวความถึงแก่ความตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2232/2567 เมื่อจำเลยถึงแก่ความตายระหว่างขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (1) จึงให้จำหน่ายคดีในคดีส่วนอาญาออกจากสารบบความ สำหรับคดีส่วนแพ่ง การดำเนินกระบวนพิจารณาต้องเป็นไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 47 วรรคหนึ่ง สิทธิในคดีส่วนแพ่งของโจทก์ร่วมที่พนักงานอัยการขอให้จำเลยชดใช้เงินแก่โจทก์ร่วมตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 และสิทธิของโจทก์ร่วมที่ขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 ยังคงมีอยู่ ไม่ระงับไป

ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 เป็นบทบัญญัติที่มีเจตนารมณ์เพื่อช่วยให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายในทางแพ่งได้รับทรัพย์สินคืนหรือได้รับการชดใช้ราคาทรัพย์สินที่สูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยได้โดยสะดวกรวดเร็ว และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีแพ่งเป็นอีกคดีหนึ่ง จึงให้อำนาจพนักงานอัยการใช้สิทธิเรียกร้องและดำเนินคดีแทนโจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายและโจทก์ร่วมสามารถใช้สิทธิของตนเองต่อเนื่องไปในคดีอาญา เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีทั้งคดีส่วนแพ่งและคดีส่วนอาญาเสร็จสิ้นไปในคราวเดียวกัน

ดังนั้น การที่จำเลยแต่งตั้งทนายความให้ว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาแทนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 60 จึงเป็นการแต่งตั้งตัวแทน เมื่อจำเลยซึ่งเป็นตัวการถึงแก่ความตาย ทนายจำเลยคงมีอำนาจและหน้าที่จัดการดำเนินคดีเพื่อปกปักรักษาประโยชน์ของจำเลยต่อไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 828 จนกว่าทายาทหรือผู้แทนของจำเลยจะเข้ามาปกปักรักษาประโยชน์ของจำเลย อำนาจของทนายจำเลยหาได้หมดสิ้นไปทันทีเมื่อจำเลยถึงแก่ความตายไม่ เมื่อทนายจำเลยมิได้ดำเนินการในคดีส่วนแพ่งภายในกำหนด 1 ปี ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 42 โจทก์จึงมีสิทธิที่จะบังคับคดีต่อไปได้ สิทธิในการบังคับคดีที่เป็นสิทธิในทรัพย์สินมิใช่สิทธิเฉพาะตัว ความรับผิดตามคำพิพากษาย่อมตกทอดแก่ทายาทของจำเลยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1599 และมาตรา 1600

(หมายเหตุ 1 เมื่อตัวความถึงแก่ความตาย ทนายความยังคงมีหน้าที่เป็นทนายความให้แก่ตัวความต่อไปอีก 1 ปี ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 42)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3541.ข้อความที่ระบุในการแจ้งความร้องทุกข์

คำพิพากษาฎีกาที่ 9/2567 (เล่ม 7 หน้า 1411) ตามสำเนารายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีระบุว่า บริษัท ช. โจทก์มอบอำนาจให้ ท. แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่บริษัท จ. จำเลยที่ 1 ในความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จนคดีถึงที่สุด มิได้ระบุให้ร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 หรือผู้ร่วมกระทำความผิด และไม่มีหลักฐานว่า โจทก์ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ในความผิดอันยอมความได้เกินสามเดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ขาดอายุความ

(หมายเหตุ 1 ในคดีความผิดอันยอมความได้ การแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีต้องระบุบุคคลที่ต้องการแจ้งความร้องทุกข์ให้ครบถ้วน มิฉะนั้นแล้วคดีจะขาดอายุความเฉพาะในส่วนบุคคลที่ไม่ได้ระบุไว้ในคำร้องทุกข์)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3539.กู้เพื่อชำระหนี้และทุนการศึกษาของบุตร เป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4008/2567 การที่จำเลยที่ 1 ยื่นแบบคำขอกู้และรับรองสิทธิโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. ระบุวัตถุประสงค์ไว้ในข้อ 3 ว่า เพื่อชำระหนี้และทุนการศึกษาบุตร แสดงว่าหนี้ที่จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินดังกล่าวเป็นหนี้เกี่ยวแก่การศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้องในสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนแนบท้ายแบบคำขอกู้ดังกล่าว อันแสดงว่าจำเลยที่ 2 ยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาทำสัญญากู้ยืมเงิน ดังนั้น หนี้ที่จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินดังกล่าวจึงเป็นหนี้ร่วมระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1490 (1) ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต้องร่วมกันรับผิดต่อธนาคาร อ. ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1489 แต่เมื่อได้ความว่า ในคดีที่ธนาคาร อ. ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้กู้ และ ท. กับโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดพะเยานั้น ต่อมา ธนาคาร อ. จำเลยที่ 1 ท. และโจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมและคดีถึงที่สุดแล้ว ผลของสัญญาประนีประนอมยอมความย่อมทำให้สิทธิเรียกร้องตามสัญญากู้ยืมเงินดังกล่าวระงับสิ้นไป โดยธนาคาร อ. ได้ถือสิทธิใหม่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความตาม ป.พ.พ. มาตรา 852 การที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 2 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับธนาคาร อ. โดยจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมด้วย สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่ใช่คู่สัญญาในสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงไม่มีสิทธิและหน้าที่ตามสัญญากับโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 เพื่อการใช้สิทธิไล่เบี้ยตาม ป.พ.พ. มาตรา 693 ได้

(หมายเหตุ 1 คดีนี้เป็นกรณีโจทก์ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันซึ่งได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา(ธนาคาร)ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แล้วมาใช้สิทธิไล่เบี้ยกับผู้กู้และภริยาของผู้กู้

2 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาประนีประนอมยอมความไม่มีผลผูกพันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภริยาของผู้กู้ เพราะจำเลยที่ 2 ไม่ได้เป็นคู่สัญญาประนีประนอมยอมความด้วย)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

สภาทนายความจัดงานวันทนายความ’68 สุดยิ่งใหญ่  ระลึกถึงอดีตทนายความที่ล่วงลับ 

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 10.00 น. ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนพหลโยธิน ได้ทำการจัดงานวันทนายความ โดยมี ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความเป็นประธานเปิดงานวันสภาทนายความ ประจำปี 2568 นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายคนิต วัลยเพ็ชร ประธานกรรมการมรรยาททนายความ ให้เกียรติร่วมงาน พร้อมด้วย วุฒิสมาชิก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ศ.พิเศษ ดร. เดชอุดม ไกรฤทธิ์ อดีตนายกสภาทนายความ นายเสรี สุวรรณภานนท์ นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช อดีตกรรมการบริหารสภาทนายความ คณะกรรมการบริหารสภาทนายความ ประธานสภาทนายความจังหวัด คณะกรรมการมรรยาทนายความ อดีตกรรมการบริหารสภาทนายความ สมาชิกทนายความ เข้าร่วมกันอย่างคับคั่ง ร่วมพิธีทำบุญและเจริญพระพุทธมนต์ ซึ่งได้รับความเมตตาธรรมจากท่านสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มาร่วมพิธี เพื่อบำเพ็ญกุศลให้แก่ทนายความที่ล่วงลับ และเพิ่มความเป็นสิริมงคลให้แก่สภาทนายความและผู้ที่ประกอบวิชาชีพทนายความ

พร้อมกันนี้ยังมีพิธีมอบรางวัลทนายความดีเด่นประจำปี 2568 โดยมีนายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ เป็นผู้กล่าวรายงาน นอกจากนี้ยังมีพิธีการมอบโล่รางวัลสำหรับนักศึกษาที่ชนะเลิศการโต้วาทีเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งนางสาวศรินทร เลืองวัฒนะวนิช อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ และในภาคบ่าย ดร.วิรัลพัชร เวทธาวริทธร อุปนายกฝ่ายวิชาการได้รับมอบหมายให้จัดอบรมวิชาการเรื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและพระราชกำหนดการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับใหม่)

ด้าน ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวว่า วันที่ 20 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันทนายความเพื่อระลึกถึงทนายความในอดีตที่เป็นผู้ล่วงลับไปแล้ว และเป็นการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลให้แก่องค์กรสภาทนายความ โดยสภาทนายความมุ่งหวังที่จะเพิ่มสวัสดิการและพัฒนาทักษะให้แก่ทนายความทุกคน ไม่ว่าจะเป็นทนายความที่มีประสบการณ์ หรือทนายความใหม่ โดยจะมีการจัดการฝึกอบรมเพิ่มทักษะในการประกอบวิชาชีพทนายความตลอดไป และที่ผ่านมาได้มีการตอบรับจากทนายความทั่วประเทศเป็นอย่างดี และยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับมรรยาททนายความอย่างต่อเนื่อง