ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3547.เปลี่ยนชื่อกรรมการบริษัท โดยกรรมการเดิมไม่ได้ยินยอม มีความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2567 คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำความผิดของจำเลยว่า จำเลยมอบอำนาจให้ ม. ยื่นคำขอจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมกรรมการของบริษัท ด. โดยมีกรรมการเข้าใหม่ 1 คน คือ พ. และกรรมการออกจากตำแหน่ง 2 คน คือ โจทก์ทั้งสอง แสดงว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นเพียงแต่แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อนายทะเบียนเพื่อให้จดข้อความอันเป็นเท็จนั้นลงในทะเบียนสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดสมุทรสงครามเท่านั้น มิใช่เป็นเรื่องการนำเอกสารทางทะเบียนอันจดข้อความเท็จดังกล่าวไปใช้แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยตามที่โจทก์กล่าวมาในคำฟ้อง จึงไม่เป็นความผิดฐานใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการตาม ป.อ. มาตรา 268 วรรคหนึ่ง มาตรา 267 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 วินิจฉัยมาในปัญหาข้อนี้ถูกต้องแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

(นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849)

 

เยี่ยมชมและให้กำลังใจ ในการฝึกซ้อมฟุตบอลของทนายความ เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนทนายความไทยไปทำการแข่งขันฟุตบอลรายการ ฟุตบอลชิงแชมป์ทนายความเอเชีย Asia Lawyers 2025

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 19.00 น. ที่สนามฟุตบอลวิชุปา รามอินทรา : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้เดินทางไปชมการฝึกซ้อมฟุตบอลของทนายความ เพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนทนายความไทยไปทำการแข่งขันฟุตบอลรายการ ฟุตบอลชิงแชมป์ทนายความเอเชีย Asia Lawyers 2025 ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3546.ผู้ดูแลสวนปาล์มใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายที่เข้ามาลักทรัพย์ เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2959/2567 ผู้ตายและผู้เสียหายเข้ามาลักผลปาล์มในสวนของบุตรชายจำเลย การลักทรัพย์เป็นการประทุษร้ายต่อทรัพย์สินและเป็นการละเมิดต่อสิทธิในความเป็นเจ้าของทรัพย์ เป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นไม่เป็นธรรมต่อเจ้าของผลผลิตและผู้เกี่ยวข้องที่ต้องลงทุนลงแรง เมื่อจำเลยมีหน้าที่เฝ้าดูแลสวนป่าให้บุตรชายมาพบเห็นการกระทำของผู้ตายและผู้เสียหายซึ่งหน้า ย่อมต้องเกิดโทสะและมีอำนาจที่จะปกป้องติดตามจับกุมผู้ตายและผู้เสียหายเพื่อนำทรัพย์สินคืนมาได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 79 แม้จะได้ความว่าจำเลยตะโกนบอกให้ผู้ตายและผู้เสียหายหยุด โดยผู้ตายและผู้เสียหายได้ทิ้งผลปาล์มที่ลักมาแล้วและพยายามหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ แต่ผู้ตายและผู้เสียหายไม่ยอมหยุดกลับรีบขับรถจักรยานยนต์หลบหนีโดยมิได้รู้สำนึกในการกระทำผิดของตน ย่อมต้องสร้างความไม่พอใจและก่อให้เกิดโทสะแก่จำเลยยิ่งขึ้นจนเป็นเหตุให้จำเลยจำต้องใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหาย ซึ่งโทสะของจำเลยนี้ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องตราบเท่าที่บุคคลทั้งสองยังพยายามหลบหนี การใช้อาวุธปืนยิงของจำเลยในขณะที่ถูกข่มเหงรังแกจากการถูกผู้ตายและผู้เสียหายเข้ามาลักทรัพย์และมีโทสะอยู่เช่นนี้ จึงนับเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

(หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โดยเฉพาะทรัพย์ในคดีนี้เป็นผลปาล์ม ซึ่งจำต้องมีการลงทุนและต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะได้ผลผลิต การที่ผู้ตายและผู้เสียหายเข้ามาฉกฉวยลักเอาผลผลิตไปเช่นนี้ นับเป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ไม่เป็นธรรมต่อเจ้าของผลผลิตและผู้เกี่ยวข้องที่ต้องลงทุนลงแรง

2 คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่า การที่จำเลยพาอาวุธปืนจากบ้านเดินทางมาสวนปาล์ม จึงถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปตามทางสาธารณะมาบริเวณที่เกิดเหตุ แล้วพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร แต่จำเลยมิได้ฎีกาว่าไม่ได้พาอาวุธปืนจากบ้านเดินทางมาสวนปาล์มของบุตรชายจำเลย คงฎีกาอ้างเพียงว่า สถานที่ที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปเป็นสวนปาล์มของบุตรชายจำเลยไม่ใช่เมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะเท่านั้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3546.ผู้ดูแลสวนปาล์มใช้อาวุธปืนยิงคนร้ายที่เข้ามาลักทรัพย์ เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2959/2567 ผู้ตายและผู้เสียหายเข้ามาลักผลปาล์มในสวนของบุตรชายจำเลย การลักทรัพย์เป็นการประทุษร้ายต่อทรัพย์สินและเป็นการละเมิดต่อสิทธิในความเป็นเจ้าของทรัพย์ เป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่นไม่เป็นธรรมต่อเจ้าของผลผลิตและผู้เกี่ยวข้องที่ต้องลงทุนลงแรง เมื่อจำเลยมีหน้าที่เฝ้าดูแลสวนป่าให้บุตรชายมาพบเห็นการกระทำของผู้ตายและผู้เสียหายซึ่งหน้า ย่อมต้องเกิดโทสะและมีอำนาจที่จะปกป้องติดตามจับกุมผู้ตายและผู้เสียหายเพื่อนำทรัพย์สินคืนมาได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 79 แม้จะได้ความว่าจำเลยตะโกนบอกให้ผู้ตายและผู้เสียหายหยุด โดยผู้ตายและผู้เสียหายได้ทิ้งผลปาล์มที่ลักมาแล้วและพยายามหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ แต่ผู้ตายและผู้เสียหายไม่ยอมหยุดกลับรีบขับรถจักรยานยนต์หลบหนีโดยมิได้รู้สำนึกในการกระทำผิดของตน ย่อมต้องสร้างความไม่พอใจและก่อให้เกิดโทสะแก่จำเลยยิ่งขึ้นจนเป็นเหตุให้จำเลยจำต้องใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหาย ซึ่งโทสะของจำเลยนี้ยังคงมีอยู่ต่อเนื่องตราบเท่าที่บุคคลทั้งสองยังพยายามหลบหนี การใช้อาวุธปืนยิงของจำเลยในขณะที่ถูกข่มเหงรังแกจากการถูกผู้ตายและผู้เสียหายเข้ามาลักทรัพย์และมีโทสะอยู่เช่นนี้ จึงนับเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ

(หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โดยเฉพาะทรัพย์ในคดีนี้เป็นผลปาล์ม ซึ่งจำต้องมีการลงทุนและต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะได้ผลผลิต การที่ผู้ตายและผู้เสียหายเข้ามาฉกฉวยลักเอาผลผลิตไปเช่นนี้ นับเป็นการกระทำที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของผู้อื่น ไม่เป็นธรรมต่อเจ้าของผลผลิตและผู้เกี่ยวข้องที่ต้องลงทุนลงแรง

2 คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 8 วินิจฉัยว่า การที่จำเลยพาอาวุธปืนจากบ้านเดินทางมาสวนปาล์ม จึงถือได้ว่าจำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปตามทางสาธารณะมาบริเวณที่เกิดเหตุ แล้วพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร แต่จำเลยมิได้ฎีกาว่าไม่ได้พาอาวุธปืนจากบ้านเดินทางมาสวนปาล์มของบุตรชายจำเลย คงฎีกาอ้างเพียงว่า สถานที่ที่จำเลยพาอาวุธปืนติดตัวไปเป็นสวนปาล์มของบุตรชายจำเลยไม่ใช่เมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะเท่านั้น ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3544.ไม่ได้รู้เห็นกับพวกของจำเลยในขณะที่ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย ไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3978/2567 การที่ผู้ตายที่ 1 ใช้อาวุธมีดแทง น. แล้ว น. ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายที่ 1 จึงเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าอย่างกะทันหันโดยจำเลยมิได้คบคิดนัดหมายกันมาก่อน ถือไม่ได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นและฐานฆ่าผู้อื่นโดยพลาด แต่เมื่อจำเลยมีเจตนาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้ตายที่ 1 มาตั้งแต่ต้นและร่วมชุลมุนชกต่อยผู้ตายที่ 1 จึงต้องรับผลแห่งการกระทำของพวกจำเลยและ น. ด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดฐานทำร้ายผู้ตายที่ 1 จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 และฐานร่วมกันทำร้ายผู้ตายที่ 2 จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายโดยพลาดตาม ป.อ. มาตรา 290 วรรคแรก ประกอบมาตรา 60, 83 อันเป็นความผิดหลายอย่างซึ่งรวมอยู่ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นและฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยพลาดตามที่โจทก์ฟ้อง และเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ซึ่งศาลฎีกาลงโทษในความผิดดังกล่าวตามที่พิจารณาได้ความได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3545.ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ทายาทของผู้ตาย ไม่ทำให้คดีอาญาระงับ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2952/2567 ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ และฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้จำเลยที่ 1 นำเงินมาชดใช้ให้แก่ผู้ร้องทั้งสองจนเป็นที่พอใจและไม่ติดใจดำเนินคดีกับจำเลยที่ 1 ก็ตาม ก็ไม่ถือว่าเป็นการยอมความ อันจะทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวระงับไป แต่มีผลทำให้คดีในส่วนแพ่งของผู้ร้องทั้งสองที่ยื่นคำร้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 44/1 ระงับไปเท่านั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

(หมายเหตุ 1 จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ผู้ตายมีอาการมึนเมาสุราเดินมาที่โต๊ะของจำเลยทั้งสองและตะโกนด่าพร้อมเข้ามาตบศีรษะของจำเลยที่ 1 โดยผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนก็ตาม แต่ผู้ตายเพียงด่าและตบศีรษะจำเลยที่ 1 เท่านั้น การที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธมีดคัตเตอร์แทงผู้ตายไปที่บริเวณหน้าอกข้างซ้ายใต้ราวนม 1 ครั้ง ในขณะที่ผู้ตายมีอาการมึนเมาสุราและไม่มีอาวุธใด ๆ ที่จะต่อสู้กับจำเลยที่ 1 ได้ นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรง)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3543.วันคำพิพากษาถึงที่สุดในการขอคืนของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2311/2567 การร้องขอคืนของกลางตามที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 36 นั้น เจ้าของที่แท้จริงซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดย่อมมีสิทธิร้องขอคืนของกลางต่อศาลได้ภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งคำว่า “วันคำพิพากษาถึงที่สุด” นี้ ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง บัญญัติว่า “คำพิพากษาหรือคำสั่งใดซึ่งอาจอุทธรณ์ฎีกาหรือมีคำขอให้พิจารณาใหม่ได้นั้น ถ้ามิได้อุทธรณ์ฎีกาหรือร้องขอให้พิจารณาใหม่ภายในเวลาที่กำหนด ให้ถือว่าเป็นที่สุดตั้งแต่ระยะเวลาเช่นว่านั้นได้สิ้นสุดลง…” ซึ่งก็คือ เมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความฟัง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 198 และมาตรา 216 ในกรณีที่คู่ความยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ฎีกาแล้วมิได้ใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาตามที่ได้ขอขยายระยะเวลาไว้ วันคำพิพากษาถึงที่สุดย่อมต้องกลับไปใช้ระยะเวลา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่กำหนดโดยกฎหมาย คือ เมื่อครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความฟัง

คดีนี้เมื่อมีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้คู่ความความฟัง เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 โจทก์และจำเลยทั้งสองใช้สิทธิฎีกาได้ถึงวันที่ 15 มีนาคม 2564 ซึ่งจำเลยทั้งสองมิได้ขอขยายระยะเวลาฎีกาและมิได้ใช้สิทธิฎีกา ส่วนโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาฎีกาและศาลชั้นต้นอนุญาตถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2564 แต่โจทก์มิได้ฎีกา คำพิพากษาย่อมถึงที่สุดในวันที่ 15 มีนาคม 2564 อันเป็นวันครบกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านหรือถือว่าได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5 ให้คู่ความฟัง สิทธิของผู้ร้องที่จะขอคืนของกลางต่อศาลภายในหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด จึงต้องนับตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2564 มิใช่วันที่ 14 มิถุนายน 2564 ดังที่ผู้ร้องอุทธรณ์ ผู้ร้องมายื่นคำร้องขอคืนของกลางเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2565 จึงเป็นการยื่นคำร้องเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุด ต้องห้ามตาม ป.อ. มาตรา 36 ที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องของผู้ร้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น

(หมายเหตุ 1 กำหนดเวลาในการยื่นคำร้องขอคืนของกลางตามที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา 36 เป็นกำหนดเวลาในการใช้สิทธิในการดำเนินคดี มิใช่ระยะเวลาที่เกี่ยวด้วยวิธีพิจารณาความตามที่กำหนดไว้เพื่อให้ดำเนิน หรือมิให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ก่อนสิ้นระยะเวลานั้น)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

 

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3542.ออกเช็คเพื่อให้ถอนฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน ไม่ตกเป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2620/2567 แม้จำเลยจะออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเพื่อให้โจทก์ร่วมถอนฟ้องจำเลยในคดีที่โจทก์ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดอาญาแผ่นดินก็ตาม แต่การที่โจทก์ร่วมจะถอนฟ้องคดีดังกล่าวหรือไม่ ย่อมเป็นสิทธิของโจทก์ร่วมอันพึงกระทำได้ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคหนึ่ง โดยกฎหมายมิได้ห้ามโจทก์ซึ่งฟ้องคดีความผิดอาญาแผ่นดินไว้แล้วจะถอนฟ้องไม่ได้ การที่โจทก์ร่วมรับเช็คพิพาทจากจำเลยแล้วถอนฟ้องในคดีที่โจทก์ร่วมเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานฟ้องเท็จซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ย่อมเป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย มูลหนี้ตามเช็คพิพาทมิได้มีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อย จึงไม่ตกเป็นโมฆะ

(หมายเหตุ 1 คดีนี้จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คพิพาทให้โจทก์ร่วมเป็นเงินสูงถึง 1,200,000 บาท โดยจำเลยไม่เคยพยายามบรรเทาผลร้ายด้วยการชำระหนี้ให้แก่โจทก์ร่วมเลย ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงแก่โจทก์ร่วม แม้จำเลยอายุมากแล้ว มีโรคประจำตัวหลายโรค ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ชอบช่วยเหลืองานสังคมและสาธารณะมาโดยตลอด ก็ไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลย

3 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองที่พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษจำคุก)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849

 

สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาทนายความภาค 4 เชื่อมความสัมพันธ์ กับ สภาทนายความลาวแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

เมื่อวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 – 17.00 น. ที่ สถาบันการยุติธรรมสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้เดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่าง สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์แห่งราชอาณาจักรไทย และสภาทนายความแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

โดยมีนายวรัศมี สุริปะพัน ประธานสภาทนายความ แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กับคณะให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งฝ่าย สภาทนายความของประเทศไทยมีนายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ นายพิเชฐ คูหาทอง กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 4 นายวสันต์ พุฒิสันติกุล ประธานสภาทนายความจังหวัดหนองคาย นายเกรียงวิธญ์ โพธิ์ขำใหญ่ ประธานสภาทนายความจังหวัดอุดรธานี นางสุคนธ์ทิพย์ พรหมสิทธิ์ ประธานสภาทนายความจังหวัดหนองบัวลำภู ว่าที่ร้อยตรี โกวิทย์ บุตรลำภู ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมแพ นายจิรศักดิ์ เอี่ยมดิลก ประธานสภาทนายความจังหวัดมหาสารคาม นายวุฒิพงศ์ เนติธีรัตน์ ประธานสภาทนายความจังหวัดเลย

     นอกจากนี้ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้บรรยายแลกเปลี่ยนความรู้ด้านจริยธรรมและมรรยาททนายความให้แก่ทนายความของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและหน่วยงานที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม จำนวนมากร่วมรับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมรรยาทของทนายความสองประเทศ

สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ และสภาทนายความภาค 4 ร่วมกับคณะสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (วิทยาเขตหนองคาย) จัดอบรมวิชาการ

⚖️เมื่อวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 – 12.00 น. ที่ ห้องประชุมใหญ่ NK2217 อาคารเรียนรวมและปฏิบัติการ 1 คณะสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (วิทยาเขตหนองคาย) จังหวัดหนองคาย : ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรนักกฎหมายในศตวรรษที่ 21 เรื่อง “กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” โดยมี นายวสันต์ พุฒิสันติกุล ประธานสภาทนายความจังหวัดหนองคาย กล่าวรายงาน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุนทรี บูชิตชน คณบดีคณะสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวต้อนรับ

นอกจากนี้ โดยได้รับเกียรติจาก นายสงคราม สกุลพราหมณ์ อุปนายกฝ่ายบริหาร นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ นายพิเชฐ คูหาทอง กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 4 นายธวัชชัย ละครชัย ประธานสภาทนายความจังหวัดขอนแก่น นายเกรียงวิธญ์ โพธิ์ขำใหญ่ ประธานสภาทนายความจังหวัดอุดรธานี นางสุคนธ์ทิพย์ พรหมสิทธิ์ ประธานสภาทนายความจังหวัดหนองบัวลำภู ว่าที่ร้อยตรี โกวิทย์ บุตรลำภู ประธานสภาทนายความจังหวัดชุมแพ นายจิรศักดิ์ เอี่ยมดิลก ประธานสภาทนายความจังหวัดมหาสารคาม นายวุฒิพงศ์ เนติธีรัตน์ ประธานสภาทนายความจังหวัดเลย นายประภาส แสงสุกวาว ประธานสภาทนายความจังหวัดสกลนคร และ นายบุญมา สายสุพรรณ์ ประธานสภาทนายความจังหวัดบึงกาฬ

นอกจากนี้ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้ให้เกียรติเป็นวิทยากรบรรยายหัวข้อ “กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี”

ซึ่งมีคณะกรรมการสภาทนายความภาค 4 ทนายความในจังหวัดหนองคายและทนายความ ภาค 4 เข้าร่วมอบรมในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก