ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความดในพระบรมราชูปถัมภ์
3094.ตัวแทนประกันชีวิตรับคำขอเอาประกันชีวิตโดยรู้อยู่แล้วว่า ผู้เอาประกันชีวิตมีอาการป่วยและตรวจรักษาด้วยโรคสมองเสื่อม บริษัทประกันชีวิตต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนประกันชีวิต
คำพิพากษาฎีกาที่ 1338/2566 (หน้า 1146 เล่ม 5) ตัวแทนของจำเลยและจำเลยผู้เป็นตัวการซึ่งต้องผูกพันต่อบุคคลภายนอกในกิจการอันตัวแทนได้กระทำไปภายในขอบอำนาจ มิได้ถือเอาอาการป่วยและตรวจรักษาตัวด้วยโรคสมองเสื่อมของผู้ตายเป็นสาระสำคัญถึงขนาดที่จะบอกปัดไม่ยอมทำสัญญา จำเลยจึงไม่อาจยกอาการป่วยและตรวจรักษาด้วยโรคสมองเสื่อมของผู้ตายมาอ้างเพื่อเป็นเหตุบอกล้างสัญญาประกันชีวิตของผู้ตายได้ เช่นนี้ ยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ตายละเว้นไม่เปิดเผยข้อความจริงในเรื่องเจ็บป่วยด้วยโรคเบาหวาน สัญญาประกันชีวิตของผู้ตายไม่เป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ.มาตรา 865 วรรคหนึ่ง
ก่อนขอเอาประกันชีวิต ผู้ตายป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ มีอาการค่อนข้างรุนแรงซึ่งโดยสภาพ อายุ และลักษณะอาการเจ็บป่วยของผู้ตาย ตัวแทนของจำเลยย่อมสังเกตเห็นว่าผู้ตายมีสุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่ตัวแทนของจำเลยคงรับคำขอเอาประกันชีวิตและเสนอเรื่องให้จำเลยพิจารณารับประกันชีวิตผู้ตาย พฤติการณ์บ่งชี้ว่าตัวแทนของจำเลยไม่ได้ชี้แจงให้ผู้ตายทราบถึงสิทธิและหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ในสิ่งที่ไม่ควรได้ การที่จำเลยซึ่งต้องร่วมรับผิดกับตัวแทนประกันชีวิตต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการกระทำการเป็นตัวแทนประกันชีวิตของบริษัท ตาม พ.ร.บ.ประกันชีวิต พ.ศ. 2535 มาตรา 70/1 ไม่ทำการตรวจสอบข้อมูลอย่างถี่ถ้วนจากตัวแทนของจำเลย เพื่อให้เปิดเผยข้อความจริงของผู้เอาประกันชีวิตต่อบริษัทจำเลย เพื่อประกอบการพิจารณารับประกันภัยโดยมุ่งหวังเอาประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคยินยอมเข้าทำสัญญาประกันภัยเพียงด้านเดียวไม่คำนึงถึงความสุจริตของตัวแทนของจำเลยด้วย ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการประกอบธุรกิจที่มีมาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ธุรกิจที่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 12
จำเลยในฐานะผู้ประกอบธุรกิจประกันภัยซึ่งมีอำนาจต่อรองเหนือกว่าอาศัยความอ่อนด้อยของโจทก์จัดทำหนังสือรับทราบการตกเป็นโมฆียกรรมของสัญญาประกันภัยให้โจทก์ลงลายมือชื่อเพื่อยอมรับเบี้ยประกันภัยคืนจากจำเลย โดยตกลงว่าจะไม่เรียกร้องเงิน สิทธิ หรือผลประโยชน์อื่นใดตามกรมธรรม์จากจำเลยต่อไป ไม่เป็นการใช้สิทธิด้วยความสุจริตตามมาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ธุรกิจที่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 12 ศาลฎีกามีอำนาจใช้ดุลพินิจไม่รับบังคับหนังสือรับทราบการตกเป็นโมฆียะกรรมของสัญญาประกันภัยให้เป็นผลประโยชน์แก่จำเลยได้ เมื่อสัญญาประกันชีวิตของผู้ตายยังมีผลสมบูรณ์ไม่เป็นโมฆียะ ข้อตกลงตามหนังสือรับทราบการตกเป็นโมฆียะกรรมของสัญญาประกันภัยย่อมไม่มีผลผูกพันโจทก์ โจทก์ในฐานะผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิตมีสิทธิบังคับให้จำเลยใช้เงินตามสัญญาประกันชีวิตของผู้ตายได้
( หมายเหตุ 1 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
2 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 323,200 บาท พร้อมดอกเบี้ย
3 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้นโดยพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 3)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849