ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3601.ส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตฎีกาและฎีกาให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งแล้ว ไม่ต้องส่งสำเนาคำฟ้องฎีกาซ้ำอีก
คำพิพากษาฏีกาที่ 4009/2567 (เล่ม 9 หน้า 1949) ขณะโจทก์ยื่นคำร้องขออนุญาตฎีกา ศาลชั้นต้นส่งสำเนาคำร้องและคำฟ้องฎีกาให้จำเลยแล้ว ทั้งจำเลยทราบวันนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาโดยชอบ หากจำเลยประสงค์จะยื่นคำแก้ฎีกาต่อศาลชั้นต้น จำเลยต้องยื่นคำแก้ฎีกาภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่งศาลฎีกาตามข้อกำหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการขออนุญาตฎีกาในคดีแพ่ง พ.ศ. 2558 ข้อ 14 วรรคสอง ไม่มีเหตุที่ศาลชั้นต้นต้องมีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาคำฟ้องฎีกาให้จำเลยแก้ฎีกาซ้ำอีก คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นการสั่งที่ผิดหลง การที่โจทก์ไม่ได้นำส่งสำเนาคำฟ้องฎีกาให้จำเลยภายในระยะเวลาดังกล่าว ถือไม่ได้ว่าโจทก์จงใจเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีในการนำส่งสำเนาคำฟ้องฎีกาให้จำเลยตามคำสั่งศาลชั้นต้น โจทก์มิได้ทิ้งฟ้องฎีกาและเมื่อครบกำหนดระยะเวลาแก้ฎีกาแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำแก้ฎีกาถือว่าจำเลยไม่ติดใจยื่นคำแก้ฎีกา
คำฟ้องของโจทก์มีสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่า จำเลยกระทำผิดเงื่อนไขไม่ชำระหนี้ ตามรายงานกระบวนพิจารณาในคดีอาญาซึ่งพนักงานอัยการเป็นโจทก์ โดยโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการ อันเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความในการระงับข้อพิพาทในคดีอาญาซึ่งมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญและเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องให้บังคับคดีตาม ป.พ.พ. มาตรา 850 และมาตรา 851 ทั้งโจทก์และจำเลยตกลงกำหนดเวลาชำระหนี้เป็นงวดๆ มิใช่การแยกหนี้ทั้งจำนวนออกเป็นรายๆต่างรายกัน แม้ข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความไม่มีข้อความว่า หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้ถือว่าผิดนัดทั้งหมด แต่การที่จำเลยไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้แม้แต่งวดใดงวดหนึ่งก็ย่อมตกเป็นผู้ผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความทั้งหมด หาใช่ผิดนัดแต่เฉพาะงวดไม่ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ทั้งหมดได้
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า โจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้องหรือมิได้แสดงอำนาจฟ้องให้ปรากฏ โดยไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อพิพาท ซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่คลาดเคลื่อนไม่ถูกต้อง แต่โจทก์มิได้อุทธรณ์ โจทก์ย่อมมีสิทธินำคดีมาฟ้องใหม่โดยไม่ถือว่าเป็นการฟ้องซ้ำ พอถือได้ว่าศาลชั้นต้นได้ตัดสินให้ยกฟ้องในชั้นตรวจคำฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะฟ้องคดีใหม่ ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะสั่งคืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดหรือบางส่วนได้ตามที่เห็นสมควรตาม ป.วิ.พ. มาตรา 151 วรรคสอง แต่เมื่อโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอรับเงินค่าขึ้นศาลคืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นกลับใช้ดุลพินิจเพิกถอนคำสั่งเดิม แล้วมีคำสั่งใหม่ให้ค่าขึ้นศาลตกเป็นพับ หากโจทก์ยื่นฟ้องให้บังคับชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความใหม่ โจทก์จะต้องเสียค่าขึ้นศาลใหม่ซ้ำอีกน่าจะเป็นภาระแก่โจทก์ โดยมิใช่เป็นความผิดของโจทก์ ทั้งค่าขึ้นศาลเป็นจำนวนเงินสูง คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ใช้ดุลพินิจให้ค่าขึ้นศาลเป็นพับ เป็นการไม่ชอบ
(หลักกฎหมาย ป.วิ.พ.มาตรา 151, 174, 237, 247, 252)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849