ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3246.ผู้เช่าซื้อนำรถยนต์คันที่เช่าซื้อไปเป็นหลักประกันเงินกู้ ผู้เช่าซื้อเป็นผู้เสียหายหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111 – 112/2566 การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจร้องทุกข์ โดยอาศัยข้อเท็จจริงเพียงว่าโจทก์ร่วมมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์คันพิพาท ไม่ชอบที่จะนำรถออกให้จำนำได้ โดยมิได้รับฟังข้ออ้างข้อเถียงของคู่ความถึงนิติสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกัน จึงเป็นการด่วนวินิจฉัยข้อกฎหมายจากการฟังข้อเท็จจริงที่ยังไม่สิ้นกระแสความ เห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยใหม่
(หมายเหตุ 1 เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 โจทก์ร่วมทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์คันพิพาท
2 วันที่ 7 พฤษภาคม 2561 โจทก์ร่วมกู้ยืมเงินจากจำเลยทั้งสอง โดยมอบรถยนต์คันพิพาทให้แก่จำเลยทั้งสองรับไปเพื่อเป็นหลักประกัน
3 ในระหว่างวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 โจทก์ร่วมโอนเงินหลายจำนวนเข้าบัญชีเงินฝากภริยาจำเลยที่ 1 เพื่อโอนต่อเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 และโอนเงินอีกหลายจำนวนเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลยที่ 2 โดยตรงผ่านทางแอปพลิเคชันของธนาคารในโทรศัพท์เคลื่อนที่
4 ต่อมาวันที่ 1 สิงหาคม 2561 จำเลยที่ 2 ขายรถยนต์คันพิพาทให้แก่ ส. ในราคา 320,000 บาท
5 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 3 ปี ให้จำเลยทั้งสองคืนรถยนต์ที่ยังไม่ได้คืนหรือชดใช้ราคา 1,500,000 บาท แก่โจทก์ร่วม
6 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าโจทก์ร่วมเป็นเพียงผู้เช่าซื้อรถยนต์คันพิพาทจากบริษัท ต. มิใช่ผู้มีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันดังกล่าว จึงไม่ชอบที่จะนำรถยนต์คันนี้ไปจำนำไว้กับจำเลยที่ 2 การที่โจทก์ร่วมเพิ่งทำสัญญาเช่าซื้อได้แค่เพียง 1 เดือน ก็นำรถไปจำนำดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าโจทก์ร่วมแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นการเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต โจทก์ร่วมจึงมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 352 ไม่อาจเป็นผู้เสียหายที่จะร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยทั้งสองได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ยกคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่โจทก์ร่วม และให้ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์
7 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ร่วมนำรถยนต์คันพิพาทซึ่งตนเช่าซื้อออกหาประโยชน์ด้วยการใช้เป็นหลักประกันเพื่อให้ได้รับเงินจากจำเลยที่ 2 มาเสริมสภาพคล่องในการประกอบธุรกิจของตนเป็นการกระทำที่มีเจตนาทุจริต เบียดบังเอารถยนต์ที่เช่าซื้อซึ่งเป็นของบริษัท ต. ไปโดยมิชอบ อันจะส่งผลให้โจทก์ร่วมมิใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยและไม่มีอำนาจร้องทุกข์
8 และมีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 และอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าว แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849