รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

27 เมษายน 2024
16943   0

Lawyer Council Online Share

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

3243.ดุลพินิจรอการลงโทษ

คำพิพากษาฎีกาที่ 3392/2566 (เล่ม 11 หน้า 2698) โจทก์แถลงด้วยวาจาต่อศาลชั้นต้นขอถอนฟ้องข้อหาปลอมเอกสารสิทธิอีกข้อหาหนึ่ง และศาลชั้นต้นยอมรับคำแถลงขอถอนฟ้องด้วยวาจาโดยจดข้อความขอถอนฟ้องข้อหาปลอมเอกสารสิทธินั้นลงในรายงานกระบวนพิจารณา เช่นนี้ไม่เชื่อว่า โจทก์ไม่ได้ขอถอนฟ้องในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ โดยไม่ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำแถลงขอถอนฟ้องของโจทก์ในข้อหาดังกล่าว เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาคดีไปโดยไม่ชอบ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยได้แม้คู่ความไม่ได้ยกขึ้นฎีกา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งคำแถลงขอถอนฟ้องของโจทก์ในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิไปเสียเลย โดยอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ ตาม ป.อ. มาตรา 265

การพิจารณาว่าจะรอการลงโทษได้หรือไม่ ต้องพิจารณาถึงโทษจำคุกในความผิดแต่ละกระทงที่ศาลลงแก่จำเลย เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละกระทงไม่เกินกว่า 5 ปี ย่อมอยู่ในดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลยได้ ตาม ป.อ. มาตรา 56

( หมายเหตุ 1 โจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษจำคุกจำเลย

2 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำนวนเงินที่จำเลยนำมาวางต่อศาลชั้นต้นชดใช้ให้แก่โจทก์จะไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเสียหายที่โจทก์ได้รับจากการที่จำเลยเบียดบังเอาเงินของโจทก์ไป แต่พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่า จำเลยได้ขวนขวาย พยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้นอยู่บ้าง และจำเลยเป็นน้องสะใภ้โจทก์ จึงเป็นกรณีจำเลยกระทำความผิดที่จำกัดอยู่แต่เฉพาะบุคคลในครอบครัว หลังเกิดเหตุ แม้จำเลยต้องหย่ากับน้องชายของโจทก์ซึ่งมีบุตรด้วยกันอายุไม่ถึง 1 ขวบ แต่ตามเอกสารแนบท้ายฎีกาก็ปรากฏว่า จำเลยรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายเรื่องการศึกษาและการรักษาพยาบาลของบุตรผู้เยาว์ มาด้วยดี ปี 2565 บุตรของจำเลยต้องเข้ารับการรักษาอาการเกี่ยวกับสภาพจิตใจ อันเชื่อได้ว่า เกิดจากการสลับการปกครองดูแลตามสำเนาใบรับรองแพทย์แนบท้ายฎีกา การกระทำความผิดของจำเลยที่มีผลกระทบไปถึงบุตรเช่นนี้ เชื่อว่าทำให้จำเลยรู้สำนึกผิดในการกระทำของตน เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนหรือมีพฤติกรรมเสื่อมเสียร้ายแรง จึงมีเหตุสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตนเป็นพลเมืองดีเพื่อจะได้เลี้ยงดูบุตรต่อไป)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849