ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3229.โจทก์ขอถอนฟ้องความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ ในระหว่างขอขยายระยะเวลาฎีกาไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4266/2565 (เล่ม 10 หน้า 102) ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยที่ 2 ขยายระยะเวลาฎีกา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเนื่องจากไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 2 ในส่วนคดีอาญาอีกต่อไป แต่ความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ที่ได้กระทำต่อประชาชน และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อ.มาตรา 343 มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว โจทก์ต้องถอนฟ้องก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.อ. มาตรา 35 วรรคแรก
จำเลยที่ 2 ฎีกาขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพนั้น เป็นการขอแก้ไขคำให้การจากที่ให้การปฏิเสธเป็นให้การรับสารภาพ ซึ่งจำเลยที่ 2 ไม่อาจกระทำได้เช่นกัน เพราะการแก้ไขคำให้การจะต้องกระทำก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 163 วรรคสอง แต่การที่จำเลยที่ 2 ฎีกาขอให้การรับสารภาพในชั้นฎีกาเช่นนี้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ยอมรับข้อเท็จจริงโดยไม่โต้แย้งข้อที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามฟ้อง มีผลทำให้ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 กระทำความผิดตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษา
(หมายเหตุ 1 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน มิใช่ความผิดต่อส่วนตัว โจทก์ต้องถอนฟ้องก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
2 ภายหลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแล้ว จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 200,000 บาท และโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ในส่วนคดีอาญา
3 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 4 ปี ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินคืนตามฟ้องแก่โจทก์
4 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี
5 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 50,000 บาท โทษจำคุกของจำเลยที่ 2 ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849