ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3200.ผู้ขอเฉลี่ยทรัพย์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษาไม่มีทรัพย์สินอื่นที่จะบังคับชำระหนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2566 (เล่ม 3 หน้า 26) ป.วิ.พ. มาตรา 326 วรรคสอง บัญญัติว่า ห้ามมิให้ศาลอนุญาตตามคำร้องเช่นว่านี้ เว้นแต่ศาลเห็นว่าผู้ยื่นคำร้องไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่นๆของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ดังนี้ ผู้ร้องจึงมีหน้าที่นำสืบให้ได้ความว่าจำเลยไม่มีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องจะบังคับเอาชำระหนี้ได้
ผู้ร้องไปดำเนินการตรวจสอบสถานะการสมรสของจำเลยกับสามี พบว่ามีการหย่ากันแล้ว ตรวจสอบรายการจดทะเบียนรถของกรมการขนส่งทางบกไม่พบรายการถือการครอบครองรถของจำเลย ตรวจสอบกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรไม่พบบัญชีเงินฝากของจำเลย และตรวจสอบว่าสามีของจำเลยมีที่ดินแปลงใดที่ได้มาระหว่างสมรสหรือไม่ก็ไม่พบว่ามีชื่อถือกรรมสิทธิ์หรือครอบครองที่ดินเลย ตามเอกสารแนบท้ายฎีกา แต่การสืบหาทรัพย์ของจำเลยดังกล่าวเป็นการกระทำภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษาแล้ว ทั้งเอกสารดังกล่าวผู้ร้องเพิ่งอ้างในชั้นฎีกา เป็นการนำพยานเอกสารเข้าสู่สำนวนความโดยไม่ถูกต้องตาม ป.วิ.พ.มาตรา 88 ซึ่งโจทก์ไม่มีโอกาสซักค้าน จึงไม่อาจรับเป็นพยานหลักฐานได้ ฟังไม่ได้ว่าผู้ร้องมีการสืบหาทรัพย์สินอื่นๆ ของจำเลยแล้วไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่นของจำเลยได้ในขณะยื่นคำร้อง
(หมายเหตุ 1 ในชั้นไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องตอบทนายจำเลยถามค้านว่า จำเลยมีสามีและบุตรแต่ไม่แน่ใจว่าจำเลยกับสามีจดทะเบียนสมรสกันหรือไม่ ผู้ร้องไม่เคยตรวจสอบว่าจำเลยกับสามี มีทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสหรือไม่ และผู้ร้อง ไม่ได้ตรวจสอบเงินในบัญชีธนาคารของจำเลย โดยผู้ร้องทราบว่าโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวของจำเลยก็มาร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เป็นคดีนี้
2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ในเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้
3 ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับให้ยกคำร้อง
4 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849