ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3165. ผู้เช่าซื้อไม่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อตามคำพิพากษาให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ ผู้ให้เช่าซื้อติดตามรถยนต์ที่เช่าซื้อกลับคืนมาแล้วนำออกขายทอดตลาดไม่พอชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดในส่วนที่ขาดราคา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 647/2566 (เล่ม 2 หน้า 39) โจทก์เคยฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้เช่าซื้อ และจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันให้ร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนและร่วมกันรับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ คดีดังกล่าว ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทน 787,000 บาท และให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าขาดประโยชน์ 45,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 5,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถยนต์คืนหรือใช้ราคาแทนเสร็จสิ้นแต่ไม่เกิน 6 เดือน หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน แต่สำหรับค่าขาดประโยชน์ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนเพียง 10,000 บาท ผลแห่งคำพิพากษาของศาลชั้นต้นจึงผูกพันคู่ความและทำให้จำเลยทั้งสองมีสถานะเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองบิดพลิ้วไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลนั้นทั้งหมดหรือบางส่วน โจทก์ซึ่งเป็นคู่ความฝ่ายชนะคดีหรือเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาย่อมชอบที่จะร้องขอให้มีการบังคับคดีต่อไปได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 และมาตรา 274 ประกอบ พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7 นอกจากนี้ หากละเลยเสียไม่ชำระหนี้ ตามคำพิพากษาให้ต้องตามความประสงค์อันแท้จริงแห่งมูลหนี้ของจำเลยทั้งสอง ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นประการใด โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษายังชอบที่จะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสองเพื่อความเสียหาย อันเกิดจากการนั้นได้อีกด้วย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 215
ภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาโดยไม่ส่งมอบรถยนต์ ที่เช่าซื้อในสภาพเรียบร้อย ใช้การได้ดี ทั้งไม่ได้ใช้ราคาแทนรถยนต์ให้แก่โจทก์ จนโจทก์ต้องขวยขวายติดตามรถยนต์คืน จากจำเลยที่ 1 และรถยนต์ที่เช่าซื้อซึ่งโจทก์ได้รับคืนมามีสภาพเสียหายชำรุดทรุดโทรม โดยมีรอยขีดข่วนรอบคัน เมื่อนำออกขายทอดตลาดได้เงินจากการขายต่ำกว่าราคารถยนต์ที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในคำพิพากษาคดีก่อน กรณีจึงต้องถือว่า การละเลยเสียไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสองก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์เป็นราคารถยนต์ส่วนที่ขาดไป ซึ่งจำเลยทั้งสองในฐานะลูกหนี้ตามคำพิพากษาผู้ละเลยต่อหน้าที่ของตนต้องร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าเสียหายต่อโจทก์ ค่าเสียหายดังกล่าวเป็นค่าสินไหมทดแทนอันสืบเนื่องมาจากการที่จำเลยทั้งสองไม่ได้ชำระหนี้ให้ต้องตามความประสงค์ อันแท้จริงแห่งหนี้ตามคำพิพากษาคดีก่อน มิใช่ค่าเสียหายที่เป็นหลักแหล่งแห่งข้อหาตามสัญญาเช่าซื้อ หรือข้ออ้างที่อาศัยความผูกพันกันตามสัญญาค้ำประกันซึ่งเลิกกันไปแล้ว และศาลชั้นต้นในคดีก่อนได้วินิจฉัยชี้ขาดจนเสร็จสิ้น กรณีจึงไม่มีเหตุที่ต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์อันเกี่ยวกับการบอกกล่าวผู้ค้ำประกันให้ทราบความผิดนัดของผู้เป็นลูกหนี้ว่าได้มีการบอกกล่าวไปยังผู้ค้ำประกันภายในหกสิบวัน นับแต่วันที่ลูกหนี้ผิดนัดตาม ป.พ.พ.มาตรา 686
( หมายเหตุ 1 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยบังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน 323,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 320,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทนเป็นเงิน 10,000 บาท
2 ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ไม่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ เพราะโจทก์ไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันทราบถึงการผิดนัดของจำเลยที่ 1 ผู้เป็นลูกหนี้ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ผิดนัด เป็นผลให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ละเลยต่อการชำระหนี้ และควรต้องรับผิดไม่แตกต่างไปจากจำเลยที่ 1 ต้องหลุดพ้นไปเสียจากความรับผิดนั้น พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2
3 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น โดยพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกัน ชำระเงิน 320,000 บาทพร้อมดอกเบี้ย)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-96638498