3163.ผู้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยไม่ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระ ไม่เป็นการบอกเลิกสัญญา ผู้ให้เช่าซื้อไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดราคา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2566 (เล่ม 2 หน้า 101) สัญญาเช่าซื้อข้อ 12 มีข้อความว่า “ผู้เช่าซื้อจะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อในเวลาใดๆเสียก็ได้ โดยผู้เช่าซื้อจะต้องคืนและส่งมอบรถยนต์ในสภาพที่ซ่อมแซมเรียบร้อยใช้การได้ดี…. พร้อมทั้งอุปกรณ์ และอะไหล่ทั้งหมดให้แก่เจ้าของ ณ สำนักงานของเจ้าของ และชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระ หรือเป็นหนี้ตามสัญญานี้อยู่ในเวลานั้นทันทีภายใต้ความเสี่ยงภัยและค่าใช้จ่ายของผู้เช่าซื้อ…… และผู้เช่าซื้อตกลงให้เจ้าของมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายตามที่กำหนดไว้ในสัญญาข้อ 13 อีกส่วนหนึ่ง……” . ข้อ 13 มีข้อความว่า “ในกรณีที่เจ้าของ ได้รับรถยนต์กลับคืนมา เจ้าของจะนำรถยนต์ตามสภาพที่รับคืนออกขายให้แก่บุคคลอื่น….. แต่หากได้ราคาน้อยกว่ามูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญานี้ ผู้เช่าซื้อตกลงรับผิดชำระหนี้ส่วนที่ขาดให้แก่เจ้าของ……” กรณีจึงเป็นที่เห็นได้ว่า สัญญาเช่าซื้อข้อ 12 กำหนดเงื่อนไขในการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาของผู้เช่าซื้อไว้ชัดแจ้งว่าต้องปฏิบัติอย่างไรบ้าง จึงจะเป็นผลให้โจทก์ในฐานะผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิเรียกหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญา คือค่าเสียหายที่เป็นค่าขาดราคาตามข้อ 13 ได้ ดังนั้น การที่จำเลยที่ 1 แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยเพียงนำรถยนต์ที่เช่าซื้อมาคืนแก่โจทก์ นอกจากจำเลยที่ 1 ต้องส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนในสภาพที่ซ่อมแซมเรียบร้อยใช้การได้ดีพร้อมทั้งอุปกรณ์ และอะไหล่ทั้งหมดให้แก่เจ้าของ ณ สำนักงานของเจ้าของแล้ว และตามสัญญายังกำหนดหน้าที่ให้จำเลยที่ 1 ต้องชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระ หรือเป็นหนี้ตามสัญญานี้อยู่ในเวลาคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อด้วย แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญาเป็นเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระดังกล่าว หรือเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระแก่โจทก์ทันทีในขณะที่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน อันเป็นการปฏิบัติไม่ครบถ้วนตามข้อตกลงเพื่อใช้สิทธิเลิกสัญญาตามข้อ 12 โจทก์จึงไม่อาจอ้างเอาข้อตกลงในเรื่องความรับผิดกรณีการขาย ทอดตลาดได้ราคาน้อยกว่ามูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 13 มาใช้บังคับเอากับจำเลยที่ 1 ได้ เนื่องจากความรับผิดในมูลหนี้ส่วนที่ขาดอยู่ตามสัญญาดังกล่าวต้องเกิดจากการบอกเลิกสัญญาโดยชอบตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 12
(หมายเหตุ 1 ในทางนำสืบของโจทก์ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ตามสัญญาเป็นเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระดังกล่าว หรือเงินทั้งปวงที่กำหนดชำระแก่โจทก์ทันทีในขณะที่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน
2 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 19,600 บาทพร้อมดอกเบี้ย
3 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แผนกคดีผู้บริโภควินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 ไม่ชำระเงินทั้งปวงแก่โจทก์ในขณะส่งมอบรถยนต์คืนนั้น เป็นการที่โจทก์ยินยอมสละข้อกำหนดแก่จำเลยที่ 1 กรณีจึงถือได้ว่า จำเลยที่ 1 ได้แสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาโดยไม่ชำระค่าเช่าซื้อที่ถึงกำหนดชำระอยู่ในเวลาคืนรถแก่โจทก์ จึงเป็นการใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาของจำเลยที่ 1 ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 12 โดยโจทก์ยินยอมสละข้อกำหนดในสัญญาที่ให้จำเลยที่ 1 ต้องชำระเงินทั้งปวง โจทก์จึงมีสิทธิ ตามสัญญาข้อ 13 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 135,600 บาทพร้อมดอกเบี้ย
4 จำเลยทั้งสามฎีกาว่า จำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาโดยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ แต่ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 12 กำหนดให้จำเลยที่ 1 ต้องชำระเงินทั้งปวงที่ถึงกำหนดชำระ หรือที่เป็นหนี้ตามสัญญาอยู่ในเวลาที่ส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนทันที จึงจะทำให้การบอกเลิกสัญญาสมบูรณ์ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระอยู่ ในขณะคืนรถยนต์คันพิพาทแก่โจทก์ทันที การบอกเลิกสัญญาดังกล่าวจึงไม่ชอบ จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าขาดราคาแก่โจทก์
5 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น โดยพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 19,600 บาทพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849