รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

28 มกราคม 2024
16357   0

Lawyer Council Online Share

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3154.สมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์แสดงเจตนาให้นำเงินสงเคราะห์ไปชำระหนี้สหกรณ์ก่อนเมื่อถึงแก่ความตาย ไม่เป็นโมฆะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 941/2566 (เล่ม 1 หน้า 86) ก. ซึ่งเป็นทั้งสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์สมาชิกชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ ร. จำเลยที่ 2 และสมาชิกของสหกรณ์ออมทรัพย์ ค. จำเลยที่ 1 จึงชอบที่จะแสดงเจตนาต่อจำเลยที่ 2 เพื่อให้จำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าหนี้ของ ก. เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากเงินสงเคราะห์เมื่อ ก.ถึงแก่ความตาย ซึ่งการแสดงเจตนาดังกล่าวนอกจากจะมีผลเป็นการลดภาระหนี้สินที่จะตกทอดแก่ทายาทของ ก. อันจะเป็นประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสองในฐานะทายาทของ ก. แล้วยังมีผลเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลสมาชิกของจำเลยที่ 1 ในทางอ้อมอีกด้วย แม้ตามข้อบังคับ ของจำเลยที่ 2 ข้อ 13 ระบุไว้ว่า ผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิกจะต้องระบุชื่อผู้จัดการศพและผู้ที่ประสงค์ให้ได้รับเงินสงเคราะห์ ซึ่งต้องเป็นบุคคลในครอบครัวของตนตามข้อ 23 ไว้ให้ชัดในใบสมัคร และข้อบังคับข้อ 23 ระบุไว้ว่า เมื่อสมาชิกผู้ใดถึงแก่ความตายบุคคลในครอบครัวของสมาชิกผู้นั้นมีสิทธิได้รับเงินค่าจัดการศพและเงินสงเคราะห์ครอบครัว ตามลำดับดังนี้ (1) ที่สมาชิกแสดงความจำนงไว้ในใบสมัครหรือแจ้งไว้เป็นลายลักษณ์อักษรให้เป็นผู้รับเงิน (2) สามี ภรรยา บุตร และบิดา มารดา (3)…….. ก็หามีผลต่อการแสดงเจตนาของ ก. ที่กระทำโดยสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของจำเลยทั้งสองไม่ ส่วนเรื่องการแสดงเจตนาให้บุคคลในครอบครัวของ ก. มีสิทธิได้รับเงินค่าจัดการศพและเงินสงเคราะห์ครอบครัว เมื่อ ก.ถึงแก่ความตายตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก ทั้งการพิจารณาเรื่องสิทธิต้องพิจารณาเรื่องหน้าที่ที่ ก.มีอยู่ก่อนประกอบด้วย ดังนี้ การที่ ก. ตกลงกับจำเลยที่ 2 โดยให้จำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้เป็นบุคคลในครอบครัวของ ก. เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากเงินสงเคราะห์นั้น จึงมิใช่เป็นการทำนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน อันจะตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150

( หมายเหตุ 1 ก. เป็นสมาชิกสหกรณ์ ต่อมา วันที่ 30 สิงหาคม 2553 ก. สมัครเป็นสมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยระบุว่า เมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายและมีหนี้ค้างชำระสหกรณ์ขอให้สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายเงินสงเคราะห์ให้สหกรณ์เท่ากับจำนวนหนี้ที่ผู้ตายผูกพันอยู่ในขณะนั้นเป็นอันดับแรก ส่วนที่เหลือมอบให้แก่โจทก์ทั้งสอง

2 ก. เป็นหนี้ตามคำพิพากษาสหกรณ์และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วเมื่อปี 2558

3 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2562 ก.ถึงแก่ความตาย สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายเงินสงเคราะห์ให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นเงิน 60,000 บาท ส่วนที่เหลือ 518,378.99 บาท สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์จ่ายให้แก่สหกรณ์ไปหักชำระหนี้ ก. ตามคำพิพากษาของศาล

4 โจทก์ทั้งสองจึงมาฟ้องสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์เป็นจำเลยให้ชำระเงินจำนวนดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

5 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า นิติกรรมระหว่าง ก.กับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ตกเป็นโมฆะ และพิพากษา ให้จำเลยทั้งสองชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ทั้งสอง

6 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น โดยพิพากษากลับให้ยกฟ้อง)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849