ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3137.บริษัทเป็นหนี้จะบังคับชำระหนี้จากทรัพย์สินของผู้ถือหุ้นไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2779/2565 (หน้า 69 เล่ม 8) หนี้ค่าสินค้าซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดนั้น จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อสินค้าจากโจทก์มาใช้ในกิจการค้าของบริษัท และเช็คจำนวน 14 ฉบับ ที่ชำระค่าสินค้าบางส่วนให้แก่โจทก์เป็นเช็คของจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 จึงมีความผูกพันต่อโจทก์ในกิจการทั้งหลายอันจำเลยที่ 2 กรรมการผู้มีอำนาจได้ทำไปภายในขอบเขตวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่ ทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมสั่งซื้อสินค้าจากโจทก์ในฐานะส่วนตัวแต่อย่างใด ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ในฐานะตัวแทนของจำเลยที่ 1 สั่งซื้อสินค้าเพื่อดำเนินกิจการค้าไปตามวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 2 ย่อมไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกเป็นส่วนตัวตามที่กฎหมายบัญญัติ แม้ต่อมาจำเลยที่ 2 ในฐานะส่วนตัวจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์ด้วย และศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอม ก็เป็นเรื่องความสมัครใจของจำเลยที่ 2 ที่จะก่อหนี้ส่วนตัวขึ้นเอง หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวมีความเป็นมาจากมูลหนี้ซื้อขายสินค้า ระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 จึงมิใช่หนี้ซึ่งจำเลยที่ 2 และผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยาก่อขึ้นเกี่ยวกับนิติกรรมที่ทำร่วมกันโดยตรง
กำไรที่จำเลยที่ 2 และผู้ร้องได้รับจากผลประกอบการจำเลยที่ 1 เป็นไปตามสัญญาจัดตั้งบริษัทจำเลยที่ 1 ซึ่งมีวัตถุประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันจะพึงได้แต่กิจการที่ทำตาม ป.พ.พ.มาตรา 1012 ดังนั้นแม้จำเลยที่ 2 และผู้ร้องจะนำผลกำไรที่ได้จากการแบ่งปันจากจำเลยที่ 1 ไปใช้จ่ายในการอุปการะเลี้ยงดู ตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว และการศึกษาของบุตร ก็มิได้ทำให้หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมซึ่งมีมูลหนี้เดิมมาจากมูลหนี้ซื้อขายของจำเลยที่ 1 กับกลายเป็นหนี้ที่สามีภริยาเป็นลูกหนี้ร่วมกัน หรือหนี้ที่สามีภรรยาก่อให้เกิดขึ้นในระหว่างสมรสเกี่ยวแก่การอุปการะเลี้ยงดู ตลอดถึงการรักษาพยาบาลบุคคลในครอบครัว และการศึกษาของบุตรตามสมควรแก่อัตภาพ และเป็นหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการงานซึ่งสามีภรรยาทำด้วยกันตาม ป.พ.พ. มาตรา 1490 (1)(3) ผู้ร้องจึงไม่ต้องร่วมรับผิดในหนี้ดังกล่าวต่อโจทก์
การบังคับคดีของโจทก์ย่อมไม่อาจกระทบกระเทือนสินสมรสในส่วนของผู้ร้อง
( หมายเหตุ 1 ผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของจำเลยที่ 2 และเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอให้กันส่วนเงิน ที่ได้จากการขายทอดตลาด ที่เหลือจากการชำระค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี และการชำระหนี้จำนองของธนาคารให้แก่ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง
2 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้กันเงินจากการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดกึ่งหนึ่งให้แก่ผู้ร้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
3 โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีจำเลยที่ 2 ผู้ร้อง และบุตรอีก 2 คน เป็นผู้ถือหุ้น การประกอบกิจการงานของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการงานของจำเลยที่ 2 และผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยาทำด้วยกัน เมื่อโจทก์ฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้ค่าซื้อขายสินค้า หนี้ตามคำพิพากษาตามยอมจึงเป็นหนี้ที่จำเลยที่ 2 และผู้ร้องซึ่งเป็นสามีภริยาเป็นหนี้ร่วมกัน
4 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น โดยพิพากษาแก้เป็นว่าให้เจ้าพนักงานบังคับคดีกันเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ที่เหลือจากการขายชำระค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี และชำระหนี้จำนองของธนาคารให้แก่ผู้ร้องกึ่งหนึ่ง)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849