รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

30 ธันวาคม 2023
820   0

Lawyer Council Online Share

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3125.ธนาคารมีหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปยังผู้ค้ำประกันก่อนที่ผู้กู้จะผิดนัด ธนาคารไม่มีอำนาจฟ้องผู้ค้ำประกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106/2566 (หน้า 1847 เล่ม 8) (ประชุมใหญ่) หนี้ตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยงดคิดดอกเบี้ย และปลอดการชำระในปีแรก หลังจากนั้นให้ผ่อนชำระรายเดือนและให้เสร็จสิ้นภายใน 24 เดือน หนี้ต้นเงินส่วนที่เหลือ ให้หมุนเวียนบัญชีเดินสะพัดกู้เบิกเงินเกินบัญชีต่อไปโดยไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดดังเช่นสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ครบกำหนดเวลาสิ้นสุดแล้ว แต่โจทก์และจำเลยที่ 1 ยังคงเดินสะพัดทางบัญชีเรื่อยมา โดยถือว่าเป็นสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีไม่มีกำหนดเวลานั้น เป็นหนี้ที่มิได้กำหนดเวลาชำระหนี้ไว้และจำเลยที่ 1 เดินสะพัดทางบัญชีกับโจทก์โดยมีการหักทอนบัญชีทุกวันสิ้นเดือน แม้ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นหนี้ผู้เบิกเงินเกินบัญชีแก่โจทก์ทุกเดือน ก็ยังไม่ถือว่ามีการผิดนัดตาม ป.พ.พ.มาตรา 686 ที่แก้ไขใหม่ เพราะระหว่างนี้ยังมีการเดินสะพัดทางบัญชีต่อกัน การหักทอนบัญชีทุกเดือนเพื่อทราบว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ในขณะนั้นใครเป็นเจ้าหนี้ลูกหนี้กันอย่างไร มิใช่เป็นการกระทำเพื่อชำระหนี้กรณีสัญญาสิ้นสุด จนกว่าจะมีการหักทอนบัญชี บอกเลิกสัญญาและเรียกร้องให้ชำระหนี้คงเหลือกรณีสัญญาสิ้นสุด การที่โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยที่ 1 เดินสะพัดทางบัญชีอีกต่อไปและทำการหักทอนบัญชีหนี้เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ไม่มีการเบิกถอนเงินจากบัญชีเพราะโจทก์เห็นว่าจำเลยที่ 1 มียอดหนี้ต้นเงินค้างชำระแก่โจทก์เกินวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชีแล้ว กรณีถือได้ว่าการเดินบัญชีตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีที่ไม่มีกำหนดเวลาชำระหนี้ได้สิ้นสุดเลิกกันในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557 โจทก์ชอบที่จะเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ได้โดยพลันตาม ป.พ.พ. มาตรา 203
การเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดโดยไม่มีกำหนดเวลาเกิดจากโจทก์หักทอนบัญชีแล้วไม่ให้จำเลยที่ 1 กู้เบิกเงินเกินบัญชีอีก ไม่ใช่การเลิกสัญญาตามกำหนดเวลาสิ้นสุดที่ได้ตกลงกันไว้ ไม่มีผลทำให้จำเลยที่ 1 ตกเป็นลูกหนี้ผิดนัด โจทก์ชอบที่จะบอกกล่าวแจ้งเตือนจำเลยที่ 1 ให้ชำระหนี้ต้นเงินที่ใช้ชำระแก่โจทก์ แต่โจทก์หาได้กระทำไม่ จำเลยที่ 1 จึงยังไม่ตกเป็นลูกหนี้ผิดนัดตาม ป.พ.พ.มาตรา 204 วรรคหนึ่ง โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยอัตราผิดนัดร้อยละ 18 ต่อปี ในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ผ่อนชำระหนี้ เมื่อสัญญาเลิกกันแล้วโจทก์จะมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ในอัตราผิดนัดได้เฉพาะกรณีที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดแล้วเท่านั้น โจทก์เพิ่งมีหนังสือบอกกล่าวทวงถาม วันที่ 5 มีนาคม 2561 ให้จำเลยทั้งสอง ชำระหนี้ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับหนังสือวันที่ 12 และ 10 มีนาคม 2561 ตามลำดับ ครบกำหนดแล้วจำเลยทั้งสองเพิกเฉย จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้นตกเป็นลูกหนี้ผิดนัดวันที่ 12 พฤษภาคม 2561 ภายหลัง ป.พ.พ.มาตรา 686 ที่แก้ไขใหม่มีผลใช้บังคับวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 กรณีต้องบังคับตามมาตรา 686 ที่แก้ไขใหม่
จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันแม้เป็นกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกหนี้ชั้นต้น แต่โจทก์มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามไปถึงจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันก่อนที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ชั้นต้นตกเป็นผู้ผิดนัด และภายหลังจากที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ชั้นต้นตกเป็นผู้ผิดรับแล้ว โจทก์ไม่ได้มีหนังสือบอกกล่าวไปยังจำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันภายใน 60 วัน นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ลูกหนี้ชั้นต้นผิดนัด ตาม ป.พ.พ.มาตรา 686 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ การที่โจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระหนี้เป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 686 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่ โจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกัน
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849