จฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3892.ไม่สืบพยานประกอบคำรับสารภาพ ริบของกลางไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2951/2566 (เล่ม 8 หน้า 95) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองร่วมกันมียาแก้ไอซึ่งมีส่วนผสมของไดเฟนไฮดรามีนและ คลอร์เฟนิรามีน มาริเอต อันเป็นยาแผนปัจจุบันชนิดยาอันตรายจำพวกฮิสตามีนและแอนติฮิสตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายแก่บุคคลทั่วไป เพื่อประโยชน์ในทางการค้าโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและไม่ได้รับการยกเว้นใดๆ อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และขอให้ยึดรถกระบะของกลางที่จำเลยทั้งสองใช้เป็นยานพาหนะไปรับและส่งยาแก้ไอแก่ลูกค้า เมื่อคดีมิได้มีการสืบพยานและข้อเท็จจริงตามฟ้องไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองได้ใช้รถกระบะของกลางไปรับและส่งยาแก้ไอของกลางในลักษณะอย่างไร ทั้งรถกระบะโดยสภาพแล้วก็เป็นยานพาหนะที่บุคคลทั่วไปใช้เป็นยานพาหนะสัญจรตามธรรมดาในชีวิตประจำวัน รถกระบะของกลางจึงมิได้เป็นเครื่องมือเครื่องใช้หรือยานพาหนะที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการกระทำความผิดตามที่โจทก์ฟ้องโดยตรง จึงไม่อาจริบรถกระบะของกลางตาม ป.อ.มาตรา 33(1) ได้ กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกขึ้นอ้างและวินิจฉัยแก้ไขให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
( หมายเหตุ 1 จำเลยทั้งสองฎีกาขอให้รอการลงโทษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ยาแก้ไอของกลางแม้จะเป็นยาแผนปัจจุบันชนิดยาอันตราย และมีจำนวนมากถึง 1,500 ขวด มีปริมาตรรวม 90 ลิตร แต่โดยสภาพมีคุณสมบัติหรือสรรพคุณ ใช้สำหรับบรรเทาอาการไอ ทั้งจำเลยทั้งสองได้ให้การรับสารภาพมาโดยตลอดตั้งแต่ชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณา แสดงว่า จำเลยทั้งสองได้รู้สำนึกในการกระทำความผิดของตนประกอบกับการต้องโทษจำคุกในระยะสั้น นอกจากจะไม่เกิดผลในการฟื้นฟูแก้ไขความประพฤติของจำเลยทั้งสองได้เท่าที่ควรแล้ว ยังทำให้จำเลยทั้งสองมีประวัติเสื่อมเสียและการได้รับผลกระทบในการประกอบสัมมาอาชีพโดยสุจริตหลังจากพ้นโทษ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสอง เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งสองกลับตัวเป็นพลเมืองดี โดยรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสอง)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849