ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3630.ทำร้ายร่างกายโดยพลาด
คำพิพากษาฎีกาที่ 319/2567 (เล่ม 8 หน้า 1639) จำเลยมิได้เป็นตัวการร่วมกับ ส. ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงผู้ตาย และยังไม่แน่ว่าจำเลยรู้เห็นในการที่ ส. มีอาวุธปืนมาที่เกิดเหตุหรือไม่ เช่นนี้ไม่อาจรับฟังว่าจำเลยมีเจตนาที่จะร่วมกับ ส. มีอาวุธปืน จำเลยไม่มีความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยได้รับใบอนุญาต ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษายกฟ้องในข้อหาความผิดฐานดังกล่าว ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225
ตามทางพิจารณาได้ความว่า การกระทำของจำเลยเป็นเพียงความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยพลาดตาม ป.อ. มาตรา 295 ประกอบมาตรา 60 เป็นความผิดหลายอย่างซึ่งรวมอยู่ใน ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามฟ้องและเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเอง ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลย ในการกระทำผิดตามที่พิจารณาได้ความตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225
ขณะเกิดเหตุความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจโดยพลาดตาม ป.อ. มาตรา 295 ประกอบมาตรา 60 ตามที่พิจารณาได้ความ มีระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้ามิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมายังศาลภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันกระทำความผิด เป็นอันขาดอายุความ ตาม ป.อ. มาตรา 95(3) โจทก์ฟ้องคดีและได้ตัวจำเลยมาศาลเกินสิบปีแล้ว จึงขาดอายุความ ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 215 และมาตรา 225
โจทก์ร่วมทั้งสองยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าขาดไร้อุปการะ แม้คำพิพากษาคดีส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายอันว่าด้วยความรับผิดของบุคคลในทางแพ่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจำเลย ต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดหรือไม่ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 47 วรรคหนึ่ง แต่เมื่อการกระทำของจำเลยไม่ได้เป็นผลให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย โจทก์ร่วมทั้งสองจึงไม่มีสิทธิเรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้
(หมายเหตุ 1 ขณะเกิดเหตุ นาย ก.ขับรถจักรยานยนต์จะพาผู้ตายซึ่งนั่งซ้อนท้ายไปส่งที่บ้าน พบจำเลยและนาย ส.ยืนอยู่ข้างทางที่เกิดเหตุ โดยจำเลยถืออาวุธมีด และจำเลยใช้อาวุธมีดฟันที่ช่วงลำคอนาย ก. ผู้ตายกดศีรษะของนาย ก.ลงและใช้มือรับอาวุธมีดจนรถจักรยานยนต์ล้มลง ผู้ตายกับจำเลยกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันโดยจำเลยไม่ได้ถืออาวุธมีด หลังจากนั้นได้แยกย้ายกันไป ผู้ตายเดินไปหานาย ส. จึงถูกนาย ส.ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย
2 ผลการตรวจของแพทย์นิติเวชพบบาดแผลฉีกขาดขอบเรียบข้อมือขวา 1.8 คูณ 0.5 เซนติเมตร ปลายแขนซ้าย 4 คูณ 1.5 เซนติเมตร กับรอยถากต้นแขนซ้าย 5 คูณ 0.3 เซนติเมตร
3 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้เป็นตัวการร่วมกับนาย ส.ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย)
(หลักกฎหมาย ป.อ.มาตรา 95 ป.วิ.อ.มาตรา 40 , 44/1 , 47 , 185 , 192)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849