ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3178.กระทำความผิดระหว่างหลบหนี เพิ่มโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/ 2566 (เล่ม 2 หน้า 35) ในระหว่างที่ยังไม่ได้ตัวจำเลยมาเพื่อรับโทษตามคำพิพากษา ในคดีอาญาของศาล และระหว่างยังไม่เกินกำหนดเวลา 5 ปี ตาม ป.อ.มาตรา 98(4) จำเลยมากระทำความผิดคดีนี้ กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดอีกในระหว่างที่ยังต้องรับโทษอยู่ แม้ต่อมาจะได้ตัวจำเลยมาเมื่อเกินกำหนดเวลาดังกล่าวก็ตาม เข้าหลักเกณฑ์เพิ่มโทษจำเลยตาม ป.อ.ได้
แม้การกระทำความผิดของจำเลยในคดีนี้กับคดีอื่นๆ ที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ จะเป็นการกระทำโดยเจตนา เหมือนกันและมีการดำเนินการในลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายต่างรายกัน ทั้งการกระทำความผิด เกิดขึ้นคนละสถานที่และต่างวันเวลากัน คดีแต่ละสำนวนจึงมิได้เกี่ยวพันกันและไม่อาจฟ้องเป็นคดีเดียวกันได้ เมื่อศาลมีคำพิพากษาแต่ละคดีและให้รับโทษต่อกัน ตาม ป.อ. มาตรา 22 แล้วมีกำหนดระยะเวลาจำคุกเกินกว่า 20 ปี ย่อมพิพากษาให้บังคับเช่นนี้ได้ หาได้อยู่ในบังคับตาม ป.อ.มาตรา 91 (2)
(หมายเหตุ 1 โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. จัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 และให้เพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย และนับโทษต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอื่นๆอีกหลายคดี
2 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาของศาลชั้นต้น แต่เมื่อนับโทษจำคุกทุกคดีแล้วต้องไม่เกิน 20 ปี ตาม ป.อ.มาตรา 91 (2) และที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษเนื่องจากจำเลยหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา และศาลออกหมายจับเมื่อพ้นกำหนดอายุความแล้ว ไม่อาจบังคับโทษจำเลยได้อีก
3 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิ่มโทษจำเลย 1 ใน 3 ตาม ป.อ.มาตรา 92 เมื่อนับโทษต่อจากโทษจำคุก ของจำเลยในคดีนี้แล้ว รวมโทษจำคุกทั้งสิ้นเกิน 20 ปีได้
4 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้นโดยพิพากษายืน)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849