ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3059.เพิกถอนนิติกรรมการให้ เพราะผู้ให้เป็นผู้ป่วยจิตเพท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2558/2567 แม้โจทก์จะมีความสามารถตามกฎหมาย แต่ไม่มีความสามารถที่จะดูแลตนเองหรือผลประโยชน์ของตนเองได้ในความเป็นจริงอันอาจเป็นเพียงบางช่วงเวลา ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติทางจิตใจหรือความผิดปกติทางร่างกายที่มีผลกระทบต่อจิตใจ โจทก์สามารถประกอบกิจวัตรได้เพียงทางกายภาพบางช่วงเวลาเท่านั้น แต่โจทก์ยังมีภาวะผิดปกติทางจิตที่มีความผิดปกติทางความคิด อารมณ์ พฤติกรรมบางอย่างมากจนไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง หากดูจากภายนอกย่อมไม่อาจทราบได้ว่าแท้จริงแล้วโจทก์เป็นผู้ป่วยทางจิตเวชอยู่ ไม่อาจตัดสินใจเรื่องใดในทางสมเหตุสมผลได้เหมือนคนปกติ และหลายครั้งที่ผู้ป่วยทางจิตเวชต้องทำอัตวินิบาตกรรม เนื่องจากไม่อาจทนทุกข์ทรมานกับโรคที่เป็นอยู่จนไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปเพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาทไม่สมดุล กรณีของโจทก์แพทย์จึงต้องใช้ยาต้านเศร้าร่วมด้วยนอกเหนือจากยาคลายวิตกกังวลและยานอนหลับเพื่อปรับอารมณ์ของโจทก์ให้เกิดความสมดุลมากขึ้น ขณะที่โจทก์ทำนิติกรรมจดทะเบียนให้ที่ดินพิพาททั้งสามแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่จำเลยนั้น โจทก์ขาดการรักษาและไม่ได้รับประทานยาต่อเนื่องเป็นเวลานานเชื่อว่า โจทก์ยังคงมีความวิตกกังวลสูง ฟุ้งซ่าน คิดในเรื่องไม่สมเหตุสมผล สภาพภายในจิตใจของโจทก์ยังคงทุกข์ทรมานอย่างมากจนไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง เจตนาที่แสดงออกมาจึงวิปริต เมื่อโจทก์ไม่มีความสามารถที่จะดูแลตนเองหรือผลประโยชน์ของตนเองได้ในความเป็นจริง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางจิตใจ โจทก์จึงเป็นบุคคลวิกลจริตแล้ว ซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา 175 (4) นั้น บุคคลวิกลจริตผู้กระทำนิติกรรมอันเป็นโมฆียะตาม ป.พ.พ. มาตรา 30 จะบอกล้างนิติกรรมเสียได้ในขณะที่จริตของบุคคลนั้นไม่วิกลแล้ว
โจทก์มีอาการดีขึ้นและสติสัมปชัญญะเหมือนเช่นคนปกติจนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ดังเดิมอันเป็นเวลาที่โจทก์อาจให้สัตยาบันได้เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2561 ต่อมาประมาณต้นปี 2562 โจทก์โทรศัพท์ทวงถามให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาททั้งสามแปลงคืนให้แก่โจทก์ ถือเป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าโจทก์บอกล้างโมฆียกรรมนั้นแล้ว ซึ่งเมื่อนับแต่เวลาที่โจทก์อาจให้สัตยาบันได้ถึงช่วงเวลาดังกล่าวไม่เกินกำหนดเวลาหนึ่งปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 181 เมื่อโจทก์บอกล้างโมฆียกรรมโดยชอบย่อมมีผลทำให้นิติกรรมที่โจทก์จดทะเบียนให้ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาตกเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรก ตาม ป.พ.พ. มาตรา 176 วรรคหนึ่ง
(หมายเหตุ 1 โจทก์และจำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน โดยจำเลยเป็นพี่สาวของโจทก์
2 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2560 โจทก์จดทะเบียนให้ที่ดินพิพาททั้งสามแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างแก่จำเลยโดยเสน่หาไม่มีค่าตอบแทน ในขณะที่โจทก์พักอยู่กับจำเลยเพียงหนึ่งสัปดาห์
3 โดยจำเลยอ้างว่า อาการของโจทก์เป็นเรื่องของเวรกรรมไม่ได้ป่วยด้วยโรคจิตเวชและต้องแก้กรรม เมื่อจำเลยได้ที่ดินมาแล้ว จำเลยจะทำเป็นมูลนิธินำที่ดินไปใช้ประโยชน์ในทางกุศลเพื่ออุทิศส่วนบุญให้แก่บิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้ว อาการของโจทก์ก็จะหายไปเองนั้น
4 ประมาณต้นปี 2562 โจทก์ทวงถามที่ดินคืนจากจำเลย แต่ถูกจำเลยปฏิเสธและจำเลยจะนำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นตึกแถวที่โจทก์เก็บค่าเช่าอยู่ไปขายให้บุคคลภายนอก
5 โจทก์และภริยาของโจทก์จึงได้ยื่นคำขออายัดที่ดินทั้งสามแปลงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานที่ดินอ้างว่า โจทก์ทำนิติกรรมยกให้ที่ดินแก่จำเลยขณะที่โจทก์มีอาการเจ็บป่วยทางระบบประสาทและอยู่ในระหว่างการรักษา ขาดสติสัมปชัญญะในการพิจารณาตัดสินใจจนหลงเชื่อและหลงผิดตามคำชวนเชื่อของจำเลย ให้โอนที่ดินเพื่อไปทำกิจกรรมเรื่องที่ไม่สมควร
6 วันที่ 7 ตุลาคม 2562 จำเลยได้ยื่นฟ้องโจทก์และภริยาเป็นจำเลยร่วมกันต่อศาลในข้อหาร่วมกันแจ้งข้อความเท็จต่อเจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จดังกล่าว ตาม ป.อ. มาตรา 137 และมาตรา 267
7 ในชั้นพิจารณา โจทก์นำจิตแพทย์ผู้เคยรักษาอาการของโจทก์มาเบิกความประกอบประวัติการรักษาของโจทก์ และมีคลิปวิดีโอถ่ายตอนที่โจทก์มีอาการทางจิต มาเป็นพยาน
8 ส่วนจำเลยนำเจ้าพนักงานที่ดินและลูกจ้างของสำนักงานที่ดินมาเบิกความเกี่ยวกับขั้นตอนอื่น โดยไม่ได้นำเจ้าพนักงานที่ดินผู้มีหน้าที่โดยตรงในวันที่สอบสวนโจทก์และจำเลยขณะทำนิติกรรมให้ที่ดินว่าโจทก์มีสติสัมปชัญญะดีพอที่จะทำนิติกรรมให้ที่ดินแก่จำเลยได้หรือไม่ มาเป็นพยาน
9 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจดทะเบียนให้ที่ดินจะเป็นเอกสารราชการที่แท้จริงแต่ก็ไม่มีพยานคนใดยืนยันว่าขณะจดทะเบียนให้นั้น โจทก์มีอาการจริตวิกลหรือไม่ ทั้งก่อนให้ที่ดินเชื่อว่าพี่น้องของโจทก์ทุกคนรวมทั้งจำเลยยังคงมีการสื่อสารพูดคุยกันอยู่บ้างเนื่องจากมีการตั้งแอพพลิเคชั่นไลน์กลุ่มพี่น้องด้วยกัน
10 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่พิพากษายกฟ้อง
11 ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้เพิกถอนนิติกรรมการให้ที่ดินทั้งสามแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้าง)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849