ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3357.สร้างโรงเรือนในที่ดินของบุคคลอื่นโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4954/2566 เมื่อจำเลยมิได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีในประเด็นเรื่องการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทโดยสุจริต และศาลชั้นต้นก็มิได้กำหนดเป็นประเด็นข้อพิพาทดังกล่าวไว้ ทั้งการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริตตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312 วรรคหนึ่ง จะต้องได้ความว่าเจ้าของโรงเรือนปลูกสร้างโรงเรือนในที่ดินของตนเองแต่มีบางส่วนของโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่น ส่วนที่รุกล้ำต้องเป็นส่วนน้อยและส่วนที่อยู่ในที่ดินของตนนั้นต้องเป็นส่วนใหญ่ มิฉะนั้นจะเรียกว่าสร้างโรงเรือนรุกล้ำมิได้ ซึ่งข้อเท็จจริงคดีนี้เป็นเรื่องที่จำเลยเข้าไปปลูกสร้างโรงเรือนต่าง ๆ ในที่ดินโฉนดเลขที่ 4478 โดยอาศัยสิทธิของ บ. ทั้งหมด และไม่มีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของจำเลยเลย กรณีจึงไม่อาจปรับด้วย ป.พ.พ. มาตรา 1312 ได้ ดังนั้นการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่หยิบยกประเด็นเรื่องความสุจริตตามบทมาตราดังกล่าวขึ้นวินิจฉัย จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา เพราะมิใช่ปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
(หมายเหตุ 1 ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า โจทก์ทั้งสองกับจำเลยเป็นบุตรของ บ.
2 ก่อนปี 2536 บ. ได้อนุญาตให้จำเลยเข้าไปครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดเลขที่ 4478 ภายในกรอบสีเขียว เนื้อที่ 1 งาน 83 ตารางวา
3 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2536 บ. ได้ทำพินัยกรรมเอกสารฝ่ายเมืองยกที่ดินโฉนดเลขที่ 4478 ให้แก่บุตร 9 คน ไม่รวมจำเลย โดยมีข้อความในพินัยกรรมระบุไว้ตอนหนึ่งมีใจความว่า ถ้า บ. ถึงแก่ความตายให้จำเลยซึ่งปลูกสร้างบ้านพักคนงาน ทางเดิน เสาไฟฟ้า โรงเรือนเก็บของ โรงรถ และสถานที่ทำงานในที่ดินพิพาทรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปให้เรียบร้อย เพื่อให้ผู้ได้รับส่วนแบ่งตามพินัยกรรมได้ทำประโยชน์ต่อไป
4 วันที่ 5 มกราคม 2561 บ. ถึงแก่ความตาย โจทก์ทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกของ บ. ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น 5 วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 โจทก์ทั้งสองรับโอนมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 4478 มาเป็นชื่อของโจทก์ทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของ บ.
6 จำเลยเข้าครอบครองที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของ บ. และระหว่างที่ บ. มีชีวิตอยู่จำเลยไม่เคยบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยัง บ. ว่าไม่เจตนายึดถือครอบครองที่ดินพิพาทแทน บ.
7 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินพิพาทโฉนดที่ดินเลขที่ 4478 ภายในกรอบสีเขียว เนื้อที่ 1 งาน 83 ตารางวา พร้อมส่งมอบที่ดินพิพาทคืนแก่โจทก์ทั้งสองในสภาพเรียบร้อย ฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก
8 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยว่า จำเลยปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาทโดยได้รับความยินยอมจาก บ. เจ้าของที่ดิน เป็นการปลูกสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1312 วรรคหนึ่งพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งสอง ค่าฤชาธรรมเนียมตามฟ้องและฟ้องแย้งทั้งสองศาลให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
9 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849