ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3293.เรียกเงินจากพนักงานจ้างตามภารกิจในการต่อสัญญาจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2566 การร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานเรียกทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบและการเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานเรียกทรัพย์สินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบซึ่งได้กระทำในคราวเดียวกัน จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน มิใช่พิจารณาแต่เพียงถ้าเป็นการกระทำครั้งเดียวคราวเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไป การกระทำครั้งเดียวคราวเดียวอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้ หากผู้กระทำมีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกัน เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยทั้งสี่เรียกเงินและสนับสนุนการเรียกเงินเป็นค่าตอบแทนในการพิจารณาต่อสัญญาจ้างจาก พ. น. อ. และ ว. ซึ่งเป็นพนักงานจ้างตามภารกิจและพนักงานจ้างทั่วไป กับ ม. และ ช. ซึ่งเป็นผู้รับจ้าง แตกต่างกันทั้งจำนวนเงินและระยะเวลา ประกอบกับหากบุคคลทั้งหกคนใดคนหนึ่งให้เงินหรือไม่ให้เงินแก่จำเลยทั้งสี่ จำเลยที่ 1 ก็ต่อสัญญาจ้างหรือไม่ต่อสัญญาจ้างให้แก่บุคคลทั้งหกเป็นรายบุคคลไป แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยทั้งสี่ที่ประสงค์จะให้เกิดผลของการกระทำความผิดต่อบุคคลทั้งหกแยกออกจากกันโดยชัดแจ้ง การกระทำของจำเลยทั้งสี่จึงเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
(หมายเหตุ 1 ขณะเกิดเหตุ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล จำเลยที่ 3 ดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล จำเลยที่ 4 ดำรงตำแหน่งรองปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล
2 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 149 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 5 ปี และปรับคนละ 39,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 คนละ 2 ปี 6 เดือน และปรับคนละ 19,500 บาท และจำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 149 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 จำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 26,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน และปรับ 13,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสี่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งสี่ได้กลับตัวเป็นคนดีสักครั้ง โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติของจำเลยทั้งสี่ไว้ 1 ปี
3 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน รวม 6 กระทง ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 12 ปี 36 เดือน การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน รวม 6 กระทง ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 1 ปี 8 เดือน รวมจำคุก 6 ปี 48 เดือน การกระทำของจำเลยที่ 4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน รวม 6 กระทง ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 1 ปี 8 เดือน รวมจำคุก 7 ปี 46 เดือน
4 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าพนักงาน แต่กลับมากระทำผิดเรียกเงินหรือสนับสนุนเรียกเงินสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อต่อสัญญาจ้างหรือไม่ต่อสัญญาจ้างแก่พนักงานตามภารกิจ พนักงานจ้างทั่วไป หรือผู้รับจ้าง ซึ่งพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดของจำเลยทั้งสี่เป็นภัยต่อสังคม อันเป็นเรื่องที่ร้ายแรง แม้จำเลยทั้งสี่รู้สำนึกในการกระทำความผิดโดยให้การรับสารภาพก็ตาม แต่จำเลยทั้งสี่ต้องคิดใคร่ครวญก่อนกระทำความผิด มิใช่เมื่อกระทำความผิดแล้วจึงมาอ้างเหตุดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลรอการลงโทษ และเหตุที่จำเลยทั้งสี่ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน กระทำคุณความดีต่อสังคมและในการปฏิบัติงานราชการ หรือมีภาระต้องเลี้ยงดูครอบครัวตามที่อ้างในฎีกาจำเลยทั้งสี่ ก็ยังไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสี่
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849