ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3173.ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นไม่เป็นการลงโทษจำเลยสองครั้งในการกระทำความผิดคราวเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1477/2566 (เล่ม 2 หน้า 133) หลักกฎหมายทั่วไปที่ว่าบุคคลไม่อาจถูกลงโทษทางอาญาสองครั้งในการกระทำความผิดคราวเดียวนั้น ได้มีการนำมาบัญญัติไว้โดยเฉพาะใน ป.วิ.อ.มาตรา 39(4) โดยห้ามมิให้ฟ้องจำเลยในความผิดที่ศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดแล้ว ซึ่งหมายความว่า คดีที่ศาลมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วจะนำกลับมารื้อร้องฟ้องให้ศาลทำการพิจารณาพิพากษาคดีซึ่งเกิดจากการกระทำอันเดียวกันนั้นซ้ำอีกไม่ได้
การที่โจทก์ไม่เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาทบทวน ตรวจสอบคำพิพากษาศาลชั้นต้นอีกครั้งหนึ่ง ถือเป็นการที่คู่ความใช้สิทธิอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4, 22 และ 22 ทวิ มิใช่เป็นการนำการกระทำอันเดียวกันมารื้อร้องฟ้องให้ศาลพิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยเป็นคดีใหม่ซ้ำอีก และศาลอุทธรณ์ภาค 2 ย่อมมีอำนาจพิพากษายืน ยก แก้ หรือกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นได้ ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 186 ประกอบมาตรา 214 และ พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 ทั้งเมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษจำคุกจำเลยแล้ว ก็ยังได้พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ลงโทษปรับด้วย ซึ่งมีผลทำให้จำเลยไม่ต้องถูกลงโทษปรับ หรือไม่มีค่าปรับที่จำเลยต้องชำระ ฉะนั้น แม้จำเลยได้ชำระค่าปรับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นไปแล้ว ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการที่จำเลยถูกลงโทษหรือบังคับโทษตามคำพิพากษา และย่อมถือไม่ได้ว่าจำเลยถูกลงโทษสองครั้งสำหรับการกระทำอันเดียวกันหรือในความผิดคราวเดียวกัน ซึ่งต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (4) หรือหลักกฎหมายทั่วไป
(หมายเหตุ 1 จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการกระทำความผิดคดีนี้ จำเลยประกาศโฆษณาให้บุคคลทั่วไปเข้าร่วมเล่นการพนันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ซึ่งแพร่หลายต่อสาธารณชน เจ้าพนักงานตำรวจตรวจยึดได้บัตรสลากกินรวบ 13,547 ใบ มูลค่ารวม 227,400 บาท รายชื่อตัวแทนจำหน่ายสลาก 78 แผ่น และบัญชีรายชื่อลูกค้าที่รับสลากไปจำหน่าย 100 แผ่น เป็นของกลาง ซึ่งนับเป็นจำนวนมากและมียอดเงินในวงพนันสูง ถือได้ว่าจำเลยเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์รายใหญ่ การกระทำผิดของจำเลยจึงมีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้างเป็นภัยต่อเศรษฐกิจและความสงบสุขของสังคมโดยรวม พฤติการณ์ในคดีจึงเป็นเรื่องร้ายแรง
2 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ คงจำคุกจำเลยกระทงละ 2 เดือน ปรับกระทงละ 2,500 บาท รวม 3 กระทงเป็นจำคุก 6 เดือน ปรับ 7,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
3 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ปรับ ไม่รอการลงโทษ ยกคำขอให้จ่ายสินบนนำจับ
4 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยดังกล่าวข้างต้น โดยพิพากษายืน)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849