ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3353.สัญญาว่าจ้างติดตามทรัพย์มรดก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1585/2566 สัญญาว่าจ้างติดตามทรัพย์มรดก และบันทึกข้อตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าบริการมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) สัญญาว่าจ้างติดตามทรัพย์มรดกอันมีลักษณะเป็นการที่โจทก์เข้ามามีส่วนได้เสียทางทรัพย์สินในกองมรดกผ่านทางส่วนแบ่งทรัพย์มรดกที่จำเลยจะได้รับ โดยโจทก์มิได้เป็นทนายความ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นญาติกับเจ้ามรดกหรือจำเลย เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ในทรัพย์มรดกของผู้อื่นโดยที่โจทก์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แม้ไม่ต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมายแต่วัตถุประสงค์แห่งสัญญาว่าจ้างดังกล่าวขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150
(หมายเหตุ 1 คดีนี้ จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้เป็นผู้ดำเนินการติดตามทรัพย์มรดกของ ส. บิดา ตกลงจ่ายค่าดำเนินการให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 30 ของทรัพย์มรดกส่วนของจำเลยที่ติดตามมาได้ แต่ถ้าดำเนินการไม่สำเร็จจะไม่คิดค่าใช้จ่าย พร้อมกับมอบอำนาจให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการติดตาม รวบรวมทรัพย์มรดก
2 โจทก์จัดให้มีการเจรจาไกล่เกลี่ยและทำสัญญาประนีประนอมยอมความแบ่งมรดกโดยโจทก์จัดหาทนายความและออกค่าใช้จ่ายให้จำเลย จำเลยได้รับส่วนแบ่งจากกองมรดกเป็นที่ดิน 5 แปลง ต่อมาโจทก์และจำเลยทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ค่าบริการ โดยจำเลยตกลงจ่ายให้โจทก์เป็นเงิน 9,000,000 บาท แบ่งชำระเป็น 3 งวด และจำเลยชำระเงินแก่โจทก์แล้ว 6,000,000 บาท
3 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 14,649,600 บาท พร้อมดอกเบี้ย
4 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์
5 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืน)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849