ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3292.ผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานฉ้อโกง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2566 การที่จำเลยที่ 2 รู้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนยังยินยอมให้จำเลยที่ 1 นำบัญชีเงินฝากของตนไปใช้รับโอนเงินลงทุนที่จำเลยที่ 1 หลอกลวงผู้เสียหายทั้งสิบสาม ถือว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ในการกระทำความผิด จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในความผิดดังกล่าวตาม ป.อ. มาตรา 86 และต้องร่วมรับผิดในส่วนแพ่งกับจำเลยที่ 1 ด้วย
(หมายเหตุ 1 จำเลยที่ 1 เป็นภริยาจำเลยที่ 2 และยังคงอยู่กินกันมาโดยตลอด ไม่ปรากฏว่ามีปัญหาครอบครัวแต่อย่างใด
2 จำเลยที่ 1 จัดตั้งกลุ่มขึ้นในชื่อ บ้านกำไรงาม เครื่องสปาหน้า สปาตัว ลงข้อความในบัญชีเฟซบุ๊กเกี่ยวกับผลกำไรที่เกิดจากการลงทุนซื้อเครื่องนวดสปา และแจ้งว่าหากลงทุนเป็นเคส เคสละ 30,000 บาท ภายในกำหนด 7 วัน จะได้รับเงินลงทุนคืนพร้อมผลกำไร 3,500 บาท ถึง 5,000 บาท ซึ่งคิดเป็นอัตราร้อยละ 608.455 ถึง 868.70 ต่อปี สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้
3 นอกจากนี้จำเลยที่ 1 ยังได้แสดงภาพและข้อความให้ผู้เสียหายทั้งสิบสามและประชาชนทั่วไปทางเฟซบุ๊กให้ทราบว่าจำเลยทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็นสามีภริยากันและอยู่ร่วมกัน
4 ผู้เสียหายทั้งสิบสามมีความสนใจจึงเข้าร่วมกลุ่มในบัญชีเฟซบุ๊กซึ่งจำเลยที่ 1 หลังจากนั้นผู้เสียหายทั้งสิบสามโอนเงินลงทุนให้จำเลยที่ 1 ในแต่ละครั้งโดยผ่านเข้าบัญชีธนาคาร ท. ของจำเลยที่ 2 จากนั้นมีการโอนเงินจากบัญชีของจำเลยที่ 2 เข้าบัญชีของนางชนัญญรัตน์ นางสาวณัฎฐนิช บุตรของจำเลยที่ 1 และนางชลธิชา เลขานุการของจำเลยที่ 1
5 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 343 วรรคหนึ่ง พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 12 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) (ที่ถูก 14 วรรคหนึ่ง (1)) จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 65 ปี แต่ความผิดที่จำเลยที่ 1 กระทำมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปีแต่ไม่เกินสิบปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วจึงลงโทษได้เพียง 20 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 91 (2) ให้จำเลยที่ 1 คืนเงินต้นที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ของกลางให้คืนแก่เจ้าของ
6 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 343 วรรคหนึ่ง พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4 วรรคหนึ่ง, 12 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 ให้ลงโทษฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ลดโทษให้จำเลยทั้งสองคนละหนึ่งในสามตาม ป.อ. มาตรา 78 แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 39 ปี 52 เดือน แต่ลงโทษจำเลยที่ 1 ได้เพียง 20 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 91 (2) จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี 2 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
7 ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยข้างต้น)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849