ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ
3226.สั่งจ่ายเช็คชำระหนี้ตามสัญญา ประนีประนอมยอมความ ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องตามป.วิ.อ. มาตรา 44/1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1735/2565 (เล่ม 10 หน้า 9) คดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา หมายถึง คดีที่มีการกระทำความผิดอาญานั้นก่อให้เกิดสิทธิเรียกร้องในทางแพ่งติดตามมาด้วย หากไม่มีการกระทำความผิดอาญาสิทธิเรียกร้อง ในทางแพ่งก็ย่อมไม่เกิดขึ้น
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยเงินกู้ยืมบางส่วนที่ค้างชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้แก่โจทก์ร่วม จำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทนั้น สิทธิเรียกร้องในทางแพ่งตามเช็คพิพาทของโจทก์ร่วมจึงมีอยู่แล้วและเกิดขึ้นทันที ตาม ป.พ.พ.ลักษณะตั๋วเงิน โดยโจทก์ร่วมหาจำต้องอาศัยการกระทำ ความผิดอาญาที่จำเลยถูกฟ้องเป็นคดีนี้ในข้อหาออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และในขณะที่ออกเช็คนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 4 แต่อย่างใดไม่ จึงมิใช่เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับพร้อมดอกเบี้ย ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 44/1
ระหว่างการพิจารณาคดีนี้ของศาลชั้นต้น โจทก์ร่วมกับจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยหากจำเลยปฏิบัติตามข้อตกลงชำระเงินให้แก่โจทก์ร่วมให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 5 มกราคม 2563 แล้ว โจทก์ร่วมตกลงถอนฟ้องจำเลยในคดีนี้ก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นก็มิได้มีคำพิพากษาตามยอม ข้อตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวจึงเป็นเพียงข้อตกลงที่มีเงื่อนเวลาในการชำระหนี้ตามเช็คพิพาท ซึ่งไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าโจทก์ร่วมตกลงสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยในทันที แต่กลับมีเงื่อนไขบังคับให้จำเลยต้องชำระเงินให้แก่โจทก์ร่วมให้เสร็จสิ้นก่อนแล้ว โจทก์ร่วมจึงจะถอนฟ้องให้เป็นเพียงข้อตกลงที่โจทก์ร่วมผ่อนผันให้จำเลยชำระหนี้มิใช่ข้อตกลงระงับข้อพิพาท จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความที่จะทำให้มูลหนี้ตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับระงับไป ตาม ป.พ.พ.มาตรา 852 แต่อย่างใด เช็คพิพาททั้งสองฉบับจึงยังไม่สิ้นผลผูกพัน คดีจึงไม่เลิกกัน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 มาตรา 7 สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงยังไม่ระงับไป ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 39(2)
(หมายเหตุ 1 คดีนี้ จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อชำระหนี้เงินกู้ยืมและดอกเบี้ยเงินกู้ยืมที่ค้างชำระตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้แก่โจทก์ร่วม ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สิทธิเรียกร้องในทางแพ่งตามเช็คพิพาทของโจทก์ร่วมมีอยู่แล้วและเกิดขึ้นทันทีตามกฎหมายลักษณะตั๋วเงิน ไม่จำเป็นต้องอาศัยการกระทำความผิดอาญาตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิที่จะบังคับให้จำเลยชดใช้เงินตามเช็คในคดีนี้ซึ่งเป็นคดีอาญา
2 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค จำคุกกระทงละ 1 ปี จำนวน 2 กระทง ลดโทษแล้วคงจำคุก 1 ปี ยกคำร้องขอให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
3 ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
4 จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อพิเคราะห์จำนวนเงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับ ประกอบกับโจทก์ร่วมได้ผ่อนผันระยะเวลาให้โอกาสจำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทหลายครั้งหลายคราว แต่จำเลยก็ไม่ได้ขวนขวายที่จะชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวแม้แต่เพียงบางส่วนให้แก่โจทก์ร่วม ที่ศาลชั้นต้นวางโทษจำคุกจำเลยกระทงละ 1 ปี รวม 2 กระทง และลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งโดยไม่รอการลงโทษนั้น นับว่าเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ และกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849