ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3136.เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่ใช่ผู้รับโอนที่ดิน จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย
คำพิพากษาฎีกาที่ 2257/2566 (เล่ม 8 หน้า 1898) ผู้ร้องที่ 1 และจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างนั้นถือว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันมีสิทธิคนละครึ่ง หลังจากทั้งสองแยกทางกันได้จัดการแบ่งทรัพย์สิน ที่เป็นเจ้าของร่วมกัน โดยในหนังสือข้อตกลงระบุว่า จำเลยตกลงยกที่ดินพร้อมบ้านที่พิพาท ส่วนของจำเลยให้แก่ผู้ร้องที่ 1 เพื่อเป็นการตอบแทนในกรณีที่ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูผู้ร้องที่ 2 ซึ่งเป็นบุตรเพียงฝ่ายเดียว และทั้งสองฝ่ายมีคำมั่นว่า หลังจากชำระหนี้จำนองครบถ้วนแล้วจะโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินพร้อมบ้านพิพาทให้แก่ผู้ร้องที่ 2 ที่ดินพร้อมบ้านพิพาทจึงเป็นของผู้ร้องทั้งสอง จำเลยไม่มีกรรมสิทธิ์รวมอีกต่อไป เมื่อผู้ร้องทั้งสองเข้าครอบครองที่ดินพร้อมบ้านพิพาทตลอดมา แม้จำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างส่วนของตนให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง มีผลเพียงทำให้การได้มาโดยนิติกรรมซึ่งอสังหาริมทรัพย์ของผู้ร้องทั้งสองยังไม่บริบูรณ์ตาม ป.พ.พ.มาตรา 1299 วรรคหนึ่ง แต่สิทธิของผู้ร้อง ทั้งสองตามหนังสือข้อตกลงยังคงมีอยู่ การที่ผู้ร้องทั้งสองได้ครอบครองทรัพย์พิพาทโดยผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้ชำระหนี้จำนองผู้เดียวตลอดมา ถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นบุคคลผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อนตามมาตรา 1300 โจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยมิใช่ผู้รับโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างอันมีค่าตอบแทนและโดยสุจริต และได้จดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตแล้ว จึงมิใช่บุคคลภายนอกที่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1300 โจทก์จะบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้กระทบถึงสิทธิของผู้ร้องทั้งสองไม่ได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 322 ผู้ร้องทั้งสองมีสิทธิร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
(หมายเหตุ 1 ผู้ร้องที่ 1 และจำเลยได้นำที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างไปจดจำนองที่ดินไว้เป็นประกันเงินกู้ยืมกับธนาคาร
2 วันที่ 19 กรกฎาคม 2556 ผู้ร้องที่ 1 และจำเลยตกลงแยกทางกันโดยจำเลยตกลงยกที่ดินพร้อมบ้านส่วนของจำเลยให้แก่ผู้ร้องที่ 2 หลังจากที่ผู้ร้องที่ 1 ชำระหนี้จำนองครบถ้วนแล้ว
3 วันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ธนาคาร ท.ฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้บัตรเครดิต ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างส่วนของจำเลยเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา
4 ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด
5 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
6 ศาลอุทธรณ์ภาค 6 แผนกคดีผู้บริโภคพิพากษากลับ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปล่อยที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในส่วนของจำเลยที่โจทก์นำยึด
7 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นเพียงเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยซึ่งนำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์เท่านั้น โจทก์มิใช่ผู้รับโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง โจทก์จึงมิใช่บุคคลภายนอกที่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1300 พิพากษายืน)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849