รวมคำพิพากษาศาลฎีกา » ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ

7 กันยายน 2024
138   0

Lawyer Council Online Share

ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …

3376.เอาสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายไปเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายใช้เบิกถอนเงิน ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13/2566 (เล่ม 10 หน้า 1) ผู้เสียหายที่ 1 เป็นหนี้กู้ยืมเงินจำเลยที่ 1 แล้วไม่ผ่อนชำระตามข้อตกลง จำเลยที่ 1 จึงมาทวงถามผู้เสียหายที่ 1 ให้ชำระหนี้ถึงบ้านที่เกิดเหตุ การที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันเอาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ท. ของผู้เสียหายที่ 1 และสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร ก. พร้อมบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นสามีของผู้เสียหายที่ 1 ไป ก็เพียงประสงค์ที่จะเข้าควบคุมดูแลไม่ให้ผู้เสียหายทั้งสองสามารถนำสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หรือบัตรเอทีเอ็มไปใช้เบิกถอนเงินจากบัญชีดังกล่าวได้อีกเมื่อมีเงินเข้ามาในบัญชีในภายภาคหน้า หากแต่ต้องนำมาชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1 เสียก่อน หาได้ประสงค์จะได้รับประโยชน์จากมูลค่าในทางทรัพย์สินของสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร และบัตรเอทีเอ็มของผู้เสียหายทั้งสองด้วยการแย่งการครอบครองเอาทรัพย์ดังกล่าวไปโดยเด็ดขาดไม่ การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกจึงยังไม่พอรับฟังว่าเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริตหรือเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันจะเป็นความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ซึ่งเมื่อจำเลยทั้งสองกับพวกไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์เสียแล้วย่อมไม่มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ด้วย

(หมายเหตุ 1 ผู้เสียหายที่ 1 กู้ยืมเงินจากจำเลยที่ 1 หลายครั้ง ต่อมาผู้เสียหายที่ 1 ลาออกจากบริษัท โดยจำเลยที่ 1 ไม่สามารถติดต่อผู้เสียหายที่ 1 ได้ และจำเลยที่ 1 สืบพบที่อยู่ของผู้เสียหายที่ 1

2 คืนเกิดเหตุจำเลยที่ 1 พร้อมด้วยจำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปภายในบริเวณบ้านของผู้เสียหายทั้งสอง เพื่อทวงถามหนี้เงินกู้ที่ผู้เสียหายที่ 1 ค้างชำระ

3 จำเลยที่ 1 ให้ผู้เสียหายที่ 1 ลบแอปพลิเคชั่นของธนาคารบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้เสียหายที่ 1 และของผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งผู้เสียหายที่ 1 ใช้ในการโอนเงินชำระหนี้กู้ให้แก่จำเลยที่ 1

4 จำเลยที่ 1 พูดข่มขู่ผู้เสียหายทั้งสองให้มอบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารและให้ผู้เสียหายที่ 1 กรอกข้อความและลงลายมือชื่อในสัญญากู้ทั่วไป ให้ผู้เสียหายที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นพยานในสัญญากู้

5 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสองว่า จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ยังคงมีความผิด ฐานร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน และร่วมกันกรรโชก)

นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849