ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3313.ออกใบแทนโฉนดที่ดินโดยไม่มีหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด เป็นการออกโฉนดที่ดินไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1190/2565 (เล่ม 11 หน้า 7) คดีแพ่งของศาลชั้นต้น ที่จำเลยที่ 1 ยื่นฟ้องโจทก์ เพื่อเรียกโฉนดที่ดินทั้ง 40 ฉบับคืน ซึ่งมีที่ดินพิพาทรวมอยู่ด้วยนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ส่งมอบโฉนดที่ดินทั้ง 40 ฉบับ คืนแก่จำเลยที่ 1 คำพิพากษาดังกล่าวจึงเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน ดังนั้นเจ้าพนักงานที่ดินจะดำเนินการออกใบแทนโฉนดที่ดินได้ก็ต่อเมื่อคดีนั้นถึงที่สุด ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 56 และ 63 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้หรือประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 หมวด 3 ข้อ 17(3) ที่ระบุว่า ในกรณีศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาอันถึงที่สุดเกี่ยวกับโฉนดที่ดินหรือผู้ใดมีสิทธิจดทะเบียนตามคำพิพากษาของศาลแต่ไม่ได้โฉนดที่ดินมาหรือโฉนดที่ดินเดิมเป็นอันตรายชำรุด หรือสูญหายด้วยประการใด ให้ผู้มีสิทธิจดทะเบียนยื่นคำขอใบแทนแล้ว ดำเนินการตามที่กำหนดไว้ใน(1) หรือ (2) แล้วแต่กรณี เมื่อคดีแพ่งของศาลชั้นต้นยังไม่ถึงที่สุด จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่สามารถขอออกใบแทนโฉนดที่ดินทั้ง 40ฉบับ ได้
จำเลยที่ 1 และที่ 2 เคยยื่นคำขอออกใบแทนโฉนดที่ดินทั้ง 40 ฉบับ เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2546 และวันที่ 2 กันยายน 2546 โดยไม่ได้นำคำพิพากษาคดีแพ่งประกอบคำขอ เจ้าพนักงานที่ดินพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีหลักฐานคดีถึงที่สุดมาแสดง จึงมีคำสั่งยกเลิกคำขอออกใบแทนและมีคำสั่งไม่รับคำขอ การมีคำสั่งยกเลิกคำขอและการมีคำสั่งไม่รับคำขอออกไปแทนโฉนดที่ดินพิพาทของเจ้าพนักงานที่ดิน ย่อมแสดงให้เห็นว่า คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นคำพิพากษาอันเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน การจะดำเนินการขอออกใบแทนโฉนดที่ดินดังกล่าวได้ ก็โดยอาศัยอำนาจตาม ป.ที่ดิน มาตรา 56 และ 63 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ. 2537) ออกตามความใน พระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 หมวด 3 ข้อ 17(3) เท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไปยื่นคำขอออก ใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทเป็นครั้งที่ 3 โดยอ้างเหตุเดิมว่า โฉนดที่ดินสูญหายแต่มีเพิ่มเติมว่า ได้นำพยาน 2 คน ไปบันทึกถ้อยคำรับรองพร้อมนำสำเนารายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นในคดีแพ่งไปประกอบ ปรากฏว่า การยื่นคำขอในครั้งที่ 3 เจ้าพนักงานที่ดินมิได้ปฏิบัติตามกฎกระทรวงดังกล่าว ทั้งที่เป็นกรณีเดียวกันและเหมือนกันกับครั้งที่ 1 และที่ 2 ยื่นคำขอออกไปแทนโฉนดในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่เจ้าพนักงานที่ดินมีคำสั่งให้ยกเลิกคำขอออกใบแทนและมีคำสั่งไม่รับคำขอออกใบแทน เพราะจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีหลักฐานอันแสดงว่าคดีถึงที่สุดไปแสดง การที่เจ้าพนักงานที่ดินไม่ปฏิบัติตามข้อ 17(3) แต่ข้ามขั้นตอนไปปฏิบัติตามข้อ 17(1) จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎกระทรวงดังกล่าว การออกใบแทนโฉนดที่ดินพิพาทจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำต้องเพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินซึ่งไม่ชอบตาม ป.ที่ดิน มาตรา 61 วรรค แปด และให้โฉนดที่ดินพิพาทฉบับเดิมยังคงมีผลใช้ได้ต่อไป
ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้สละกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 40แปลง แล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทอีกต่อไป และไม่มีสิทธิโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตามใบแทนโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 ก็ไม่มีสิทธินำที่ดินพิพาทตามใบแทนโฉนดที่ดินไปจดทะเบียนจำนอง กับจำเลยที่ 4 แม้จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 จากกระทำไปโดยสุจริต เสียค่าตอบแทน และจดทะเบียนตามกฎหมาย ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิใดๆ ตามหลักกฎหมายทั่วไปที่ว่า ผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน
(หมายเหตุ 1 คำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับโฉนดที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดินจะดำเนินการออกใบแทนโฉนดที่ดินได้ก็ต่อเมื่อคดีนั้นถึงที่สุดตาม ป.ที่ดิน มาตรา 56 และ 63 ประกอบกฎกระทรวง ฉบับที่ 43 (พ.ศ.2537) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2499 หมวด 3 ข้อ 17(3))
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849