ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3495.โจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ถูกต้อง ฟ้องของโจทก์เสียไปหรือไม่
คำพิพากษาฎีกาที่ 2314/2567 (เล่ม 5 หน้า 1108) โจทก์เสียค่าขึ้นศาลถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เป็นเรื่องของโจทก์และศาล ถ้าโจทก์เสียค่าขึ้นศาลไม่ครบ ศาลสั่งให้เสียให้ครบได้ ถ้าศาลไม่สั่งให้เสียเพิ่มให้ครบและไม่มีคำสั่งอื่นใด คำฟ้องของโจทก์ก็ไม่เสียไป จำเลยย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ถือได้ว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยอุทธรณ์ในปัญหานี้ของจำเลยชอบแล้ว หาใช่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยไม่
ฎีกาของจำเลยที่ว่า โจทก์อ้างว่าจำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาทแทน เพื่อไม่ให้เจ้าหนี้การพนันของ ธ. มายึดทรัพย์ และไม่ต้องการแบ่งทรัพย์ให้แก่ภริยาน้อยของ ธ. เป็นข้อที่จำเลยเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ ทั้งที่จำเลยสามารถยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การเพื่อจะได้ว่ากล่าวกันในศาลชั้นต้น แต่จำเลยก็หาได้กระทำไม่ เช่นนี้ เป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น อีกทั้งมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือจำเลยไม่สามารถยกปัญหานี้ขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้น เพราะพฤติการณ์ไม่เปิดช่องให้กระทำได้ หรือเพราะเหตุเป็นเรื่องที่ไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติว่าด้วยกระบวนพิจารณาชั้นอุทธรณ์ อันจะเข้าข้อยกเว้นให้จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยปัญหานี้ก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
โจทก์ ธ. และจำเลย ตกลงกันให้จดทะเบียนใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างพิพาท เพื่อให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์แทน ดังนี้ จำเลยมีชื่อหรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทแทนโจทก์และ ธ. ต่อมาโจทก์และ ธ. ตกลงกันทำบันทึกท้ายทะเบียนหย่าให้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ตกเป็นของโจทก์เพียงผู้เดียว เมื่อโจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทแทนโจทก์อีกต่อไป และบอกกล่าวความประสงค์ให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยเพิกเฉย โจทก์ฟ้องให้จำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนแก่โจทก์ เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์จากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือไว้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1336 หากจำเลยไม่ไปดำเนินการ โจทก์ย่อมสามารถนำคำพิพากษาไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้
ภายหลังโจทก์จดทะเบียนให้จำเลยถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแทน โจทก์และครอบครัวยังคงเป็นฝ่ายครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาท โดยจำเลยไม่เคยไปรบกวนหรือโต้แย้งการครอบครองทำประโยชน์ของโจทก์ หรือขัดขวางมิให้โจทก์แสวงหาประโยชน์ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ เพียงแต่โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยจดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพิพาทคืนแก่โจทก์ จำเลยเพิกเฉย ต้องถือว่าโจทก์ไม่ได้รับความเสียหายใดจากการกระทำของจำเลย ศาลฎีกาไม่เห็นสมควรกำหนดค่าเสียหายแก่โจทก์
(หมายเหตุ 1 จำเลยเป็นบุตรของโจทก์และนาย ธ. เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2520 โจทก์และนาย ธ. จดทะเบียนให้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแก่จำเลย ซึ่งขณะนั้นจำเลยกำลังศึกษาอยู่ในชั้นปริญญาตรี เพื่อมิให้เจ้าหนี้การพนันของนาย ธ. มายึดทรัพย์ และไม่ต้องการให้ภริยาน้อยของนาย ธ. มายุ่งเกี่ยวกับทรัพย์ของนาย ธ.
2 วันที่ 6 มกราคม 2524 โจทก์และนาย ธ. จดทะเบียนหย่ากัน และทำบันทึกท้ายทะเบียนหย่า ระบุว่าเรื่องทรัพย์สิน ใครครอบครองหรือมีชื่อเป็นเจ้าของอยู่ในสินสมรส ให้ตกเป็นของฝ่ายนั้น
3 วันที่ 11 สิงหาคม 2552 จำเลยเขียนบันทึกด้วยลายมือของจำเลย มีข้อความทำนองยอมรับว่า ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นของโจทก์ มิใช่ของจำเลย
4 ศาลฎีกา มีคำวินิจฉัยข้างต้น โดยพิพากษายืนตามศาลล่างทั้งสอง)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849