ฎีกาเด่นรายวันโดยที่ปรึกษา ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ …
3551.สัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลเป็นทั้งสัญญาประกันชีวิตและสัญญาประกันภัย
คำพิพากษาฎีกาที่ 3522-3523/2567 (เล่ม 7 หน้า 1578) ข้อตกลงตามสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามฟ้องที่กำหนดการใช้เงินโดยอาศัยความทรงชีพหรือมรณะของ ด. ผู้เอาประกันภัย เป็นสัญญาประกันชีวิตตาม ป.พ.พ.มาตรา 889 ส่วนข้อสัญญาที่กำหนดการใช้เงินอันเนื่องจากภัยที่เป็นอุบัติเหตุเป็นสัญญาประกันภัย ตามมาตรา 861 สัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ ด.ทำกับจำเลยจึงเป็นทั้งสัญญา ประกันชีวิตและสัญญาประกันภัย ที่อยู่ในบังคับมาตรา 865
การเปิดเผยข้อความจริงต่อผู้รับประกันภัยตาม ป.พ.พ. มาตรา 865 ผู้เอาประกันภัยต้องกระทำโดยสุจริต โดยไม่ต้องคำนึงว่าเหตุภัยอุบัติเหตุที่เกิดกับผู้เอาประกันภัยจะมีความเชื่อมโยงสัมพันธ์กับข้อความจริงที่ต้องเปิดเผยตามใบคำขอ เอาประกันภัยหรือไม่ การที่ ด. ผู้เอาประกันภัยไม่เปิดเผยข้อความจริงเกี่ยวกับการเสพสารเสพติดให้โทษร้ายแรงเป็นข้อสาระสำคัญที่ทำให้สัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามฟ้องเป็นโมฆียะกรรม
ประเด็นข้อพิพาทที่ว่า จำเลยบอกล้างสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลชอบหรือไม่ จำเลยเป็นฝ่ายปฏิเสธ ความรับผิดตามสัญญาประกันภัยโดยอ้างว่า ได้ใช้สิทธิบอกล้างสัญญาประกันภัยภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่จำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างแล้ว ภาระการพิสูจน์ตกแก่จำเลยตาม ป.วิ.พ.มาตรา 84/1 ซึ่งนำมาใช้ในคดีผู้บริโภคตาม พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7
จำเลยผู้รับประกันภัยบอกล้างสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่จำเลยทราบมูลอันจะบอกล้างโดยชอบ คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะการที่เป็นอยู่แต่เดิม จำเลยต้องคืนเบี้ยประกันภัยแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับประโยชน์ในฐานะส่วนตัวและผู้จัดการมรดกของ ส. ผู้รับประโยชน์ไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยเรียกเงินที่เอาประกันภัยตามสัญญาประกันภัยตามฟ้อง
(หมายเหตุ 1 ก่อนทำสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล นาย ด. ผู้เอาประกันภัยได้ตอบคำถามในใบคำขอ ประกันภัยอุบัติเหตุว่า ไม่เคยเสพสารเสพติดให้โทษร้ายแรง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่นาย ด. ผู้เอาประกันภัยไม่เปิดเผย ข้อความจริงเกี่ยวกับการเสพสารเสพติดให้โทษร้ายแรง เป็นข้อสาระสำคัญที่ทำให้สัญญาประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลตามฟ้องเป็นโมฆียะกรรม
2 ส่วนที่นาย ด. ตอบคำถามว่า ไม่เคยต้องคดีเกี่ยวกับยาเสพติด นั้น ได้ความว่า นาย ด. ซึ่งต้องหาคดีเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 พนักงานอัยการมีหนังสือถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรให้ยุติคดี เพราะผลการฟื้นฟู สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดเป็นที่น่าพอใจ
3 ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยว่า ฟังไม่ได้ว่า นาย ด. เคยต้องโทษคดีเกี่ยวกับยาเสพติด จึงมิใช่การปกปิดข้อความจริง)
นายผดุงศักดิ์ จันเดชชนะวงศ์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ กรรมการสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และกรรมการสภาทนายความภาค 3 ปีบริหาร 2565-2568 โทร.081-9663849